ประสาทหูเสื่อมตามอายุ เป็นสาเหตุที่พบบ่อยในผู้สูงอายุ โดยลักษณะการได้ยินลดลงแบบค่อยเป็นค่อยไปของหูทั้งสองข้าง และมักสูญเสียการได้ยินที่ความถี่สูง เช่น เสียงพูดของผู้หญิง หรือเสียงแหลมของเด็ก ในบางรายอาจมีเสียงดังในหูร่วมด้วย
เมื่อผู้สูงอายุ มีอาการประสาทหูเสื่อม หูไม่ได้ยิน หรือ หูตึง ได้รับการใส่เครื่องช่วยฟัง แม้เครื่องช่วยฟังจะช่วยขยายเสียงพูดให้ดังขึ้น แต่ก็ไม่ได้ทำให้เสียงพูดที่ได้ยินนั้นชัดเจนขึ้นเสมอไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งการฟังในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงรบกวน ทั้งนี้มีหลายปัจจัยที่ทำให้ผู้สูงอายุได้ยินเสียงพูดไม่ชัดเจน เช่น ระยะเวลาของการสูญเสียการได้ยินกับการเริ่มต้นใส่เครื่องช่วยฟัง ความสมบูรณ์ของประสาทรับเสียงและประสาทแปลความหมาย สภาพแวดล้อม สถานการณ์ รวมถึงคู่สนทนา เช่น ในบางรายพูดเสียงเบา บางรายพูดเร็ว
การใส่เครื่องช่วยฟังเมื่อเริ่มมีอาการหูไม่ได้ยินตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยให้การฟื้นฟูการฟังเป็นเรื่องง่าย ในทางตรงกันข้าม เมื่อปล่อยหูไม่ได้ยินมานานแล้วจึงเริ่มใส่เครื่องช่วยฟัง การฟื้นฟูการฟังจำเป็นต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร เนื่องจากเสียงบางเสียงที่ไม่ได้ยินมานานกลับมาได้ยินอีกครั้ง คุณจะต้องเริ่มต้นการฟังและทำความเข้าใจเสียงนั้นๆ ใหม่
เมื่อปล่อยให้สูญเสียการได้ยินเป็นระยะเวลานาน
ส่งผลกระทบ อย่างไร?
การปล่อยให้สูญเสียการได้ยินเป็นระยะเวลานาน สามารถสร้างความเสื่อมถอยให้กับประสาทหูและสมอง นอกจากเสียงที่ได้ยินผิดเพี้ยนไป ความเข้าใจในความหมายของคำพูดก็อาจลดลงตามไปด้วย เหมือนกับกล้ามเนื้อของคนเราที่ไม่ได้ใช้งานหรือมีอายุมากขึ้น เส้นใยก็จะหดตัวหรือฝ่อลง กล้ามเนื้อจะค่อยๆ เล็กลงและลีบไปในที่สุดจนไม่สามารถใช้งานได้
ประสาทหูและสมองก็เช่นกัน เมื่อไม่ถูกใช้งานหรือไม่มีเสียงเข้าไปกระตุ้นเลย ประสาทหูที่คงเหลืออยู่ก็จะค่อยๆ เสื่อมถอยลง การได้ยินก็จะลดลง สมองก็จะถูกใช้งานหนักมากขึ้น เกิดความเครียดในการจดจ่อเสียงคำพูดที่ได้ยินและทำความเข้าใจกับเสียงนั้นว่าได้ยินถูกต้องหรือไม่ สร้างความเหนื่อยล้าให้กับสมองนำพาไปสู่ภาวะสมองเสื่อม
การใส่เครื่องช่วยฟัง นอกจากจะช่วยให้คุณได้ยินเสียงแล้ว ยังช่วยชะลอการเสื่อมของประสาทหูของคุณ และสมองของคุณ
คุณสามารถฟื้นฟูการฟัง ด้วยเทคนิคง่ายๆ 2 เทคนิค เริ่มได้เลยตั้งแต่วันนี้…
2 เทคนิค ฟื้นฟูการฟัง หลังใส่เครื่องช่วยฟังในผู้สูงอายุ
เทคนิค ฟื้นฟูการฟัง จะช่วยฝึกสมองของผู้ใส่เครื่องช่วยฟังให้คุ้นชินกับเสียง จำแนกเสียงคำพูด เสียงสิ่งแวดล้อม และเสียงรบกวนได้
กรณี มีคู่สนทนา
ผู้ใส่เครื่องช่วยฟังสนทนากับคู่สนทนา คุณสามารถใช้เทคนิคการฝึกอ่านปากของคู่สนทนาไปพร้อมๆ กับฟังเสียงคู่สนทนาตามไปด้วย ให้คุณสังเกตการแสดงออกทางสีหน้าและท่าทางของคู่สนทนาประกอบ จะช่วยให้ทราบว่าพวกเขากำลังพูดอะไร
การอ่านริมฝีปาก จะช่วยให้คุณเข้าใจและแยกแยะเสียงคำพูดตามการเคลื่อนไหวของริมฝีปาก ช่วยลดความเครียดในการตั้งใจฟังและช่วยในการคาดเดาความหมายของเสียงคำพูดได้ตรงหรือใกล้เคียงมากกว่าการฟังเสียงเพียงอย่างเดียว โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่มีเสียงรบกวน
กรณี ไม่มีคู่สนทนา
สำหรับ ผู้สูงอายุอยู่บ้านเพียงลำพัง
ผู้ใส่เครื่องช่วยฟังที่อยู่เพียงลำพัง ไม่ได้พูดคุยกับใคร หรือพูดคุยกับผู้อื่นน้อยครั้ง คุณสามารถฟื้นฟูการฟังด้วยตัวของคุณเอง โดยใช้วิธีการอ่านออกเสียง ไม่ว่าจะอ่านหนังสือ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร ฉลากยา ฉลากสินค้า หรืออ่านคำบรรยายใต้ภาพตามสื่อโทรทัศน์ youtube ร้องเพลงร้องคาราโอเกะ ฯลฯ
เมื่อคุณกำลังอ่าน ให้คุณฟังเสียงของตัวเองที่เปล่งออกมาตามไปด้วย วิธีการนี้จะช่วยฝึกการฟังไปพร้อมๆ กับฝึกสมองให้ประมวลผลและแปลความหมายตามเสียงคำพูดที่เปล่งออกมา
เทคนิคฟื้นฟูการฟัง 2 เทคนิคนี้ ผู้สูงอายุที่ใส่เครื่องช่วยฟังคุณสามารถฝึกควบคู่กันไปได้ตามสถานการณ์ ทั้งในกรณีที่มีคู่สนทนาและไม่มีคู่สนทนา ผลลัพธ์ของการฟังและการใช้งานเครื่องช่วยฟังอย่างคุ้มค่า และเกิดประโยชน์สูงสุด อยู่ที่การฝึกฝนของ “ตัวคุณเอง”
และหากคุณกำลังเริ่มต้นใส่เครื่องช่วยฟัง คุณสามารถอ่าน 10 เทคนิค การเริ่มต้นใส่เครื่องช่วยฟัง เพื่อเป็นประโยชน์ให้กับตัวคุณ และเพื่อการใช้งานเครื่องช่วยฟังของคุณอย่างเต็มประสิทธิภาพ