ความดันโลหิตสูง ภัยเงียบของการได้ยินลดลง
ความดันโลหิตสูง ภัยเงียบของการได้ยินลดลง
ประเทศไทยก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ ด้วยจำนวนประชากรผู้สูงอายุ 13,994,045 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 21.58 ของประชากรทั้งหมด 64,854,432 คน ข้อมูลจากกรมกิจการผู้สูงอายุชี้ให้เห็นความท้าทายที่เราเผชิญทั้งปัญหาทางกายภาพอย่างการพลัดตกหกล้มที่มาเป็นอันดับหนึ่ง ตามมาด้วยปัญหาสุขภาพจิตอย่างภาวะซึมเศร้า นอกจากนี้กลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ในผู้สูงอายุที่พบมากที่สุดคือ โรคความผิดปกติของต่อมไร้ท่อ โภชนาการและเมตะบอลิกอื่นๆ โรคความดันโลหิตสูง และเบาหวาน ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นตามอายุ (สืบค้นข้อมูล ณ วันที่ 30 ต.ค. 2568)
หนึ่งในกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ที่สามารถเพิ่มความเสี่ยงในการสูญเสียการได้ยิน นั่นคือ โรคความดันโลหิตสูง
คุณจำได้ไหมว่า…
ครั้งสุดท้ายที่คุณตรวจวัดความดันโลหิตคือเมื่อไหร่?
และที่สำคัญยิ่งกว่าคือ ครั้งสุดท้ายที่คุณตรวจวัดการได้ยินคือเมื่อไหร่?
โดยทั่วไปการสูญเสียการได้ยินจะเริ่มเมื่ออายุประมาณ 30 ปี และจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในแต่ละปี เนื่องจากมักเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป จึงอาจเป็นเรื่องยากที่จะรู้ว่าคุณมีภาวะสูญเสียการได้ยินเมื่อใด วิธีที่ดีที่สุดที่จะทราบได้อย่างแน่ชัดคือ การตรวจการได้ยิน และแน่นอนว่าคุณตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปีค่าความดันอาจบอกอะไรกับคุณ
งานวิจัยพบว่า ผลการประเมินการได้ยินมีความสัมพันธ์อย่างมากกับโรคหลอดเลือดแดง และยังใช้เป็นการทดสอบสุขภาพหัวใจสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยง
ความดันโลหิตสูง คืออะไร?
ความดันโลหิต คือ แรงดันของเลือดที่หัวใจใช้ในการสูบฉีดไปหล่อเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย ความดันโลหิตวัดได้ 2 ค่า ได้แก่
ความดันโลหิตค่าบน คือ แรงดันโลหิตขณะที่หัวใจบีบตัวเต็มที่
ความดันโลหิตค่าล่าง คือ แรงดันโลหิตขณะที่หัวใจคลายตัวเต็มที่
ความดันโลหิตสูง (Hypertension) คือ ภาวะแรงดันเลือดที่กระทำต่อผนังหลอดเลือดแดงสูงกว่าปกติอย่างต่อเนื่อง ในระดับมากกว่าหรือเท่ากับ 140/90 mmHg ซึ่งอาจไม่แสดงอาการแต่จะเป็นสาเหตุทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง เส้นเลือดแดงใหญ่โป่งพอง ไตวาย เป็นต้น
ความเชื่อมโยงของ ความดันโลหิตสูง และภาวะการสูญเสียการได้ยิน
American Heart Association (AHA) ระบุว่า ความดันโลหิตสูง (130/80 mmHg) ที่ไม่ได้รับการรักษา สามารถส่งผลโดยตรงต่อการได้ยินและเร่งให้เกิดความเสื่อมตามวัย โดยความดันโลหิตสูงทำลายหลอดเลือดทั่วร่างกาย รวมถึงหลอดเลือดในหูทำให้การไหลเวียนของเลือดบกพร่อง หูชั้นในมีความไวต่อการไหลเวียนของเลือดมาก การเสียหายของหลอดเลือดและคราบไขมันที่สะสมจะทำลายเซลล์ขนซึ่งมีหน้าที่รับเสียง และหากปล่อยให้เรื้อรังอาจนำไปสู่การสูญเสียการได้ยินอย่างถาวร นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นที่ทำลายเซลล์ขน ได้แก่ ยาบางชนิด การได้รับเสียงดังเกินไป อายุที่มากขึ้น และการติดเชื้อ
AHA ยังชี้อีกว่า การสูญเสียการได้ยินจากประสาทรับเสียงฉับพลัน อาจเป็นสัญญาณเตือนล่วงหน้าของโรคระบบหัวใจและหลอดเลือด
ควบคุมความดันโลหิต ป้องกันการสูญเสียการได้ยิน
ความดันโลหิตสูง สามารถเร่งให้เกิดการสูญเสียการได้ยิน การตรวจการได้ยินจึงอาจช่วยชีวิตคุณได้อย่างแท้จริง นักวิจัยพบว่า การควบคุมความดันโลหิตสามารถป้องกันการสูญเสียการได้ยินเพิ่มเติมได้ แม้ว่าการใช้ยาจะสามารถควบคุมความดันโลหิตได้ แต่การเปลี่ยนแปลงโภชนาการและวิถีชีวิตง่ายๆ ก็สามารถสร้างผลลัพธ์ที่ดีให้กับการได้ยินและสุขภาพโดยรวมได้ด้วย 4 วิธีการ ดังนี้
1. รักษาน้ำหนักในเกณฑ์สุขภาพดี : น้ำหนักตัวที่เหมาะสมช่วยลดภาระต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งเป็นก้าวสำคัญในการควบคุมความดันโลหิต
ผู้สูงอายุ (65 ปีขึ้นไป) : BMI ที่เหมาะสมควรอยู่ในช่วงประมาณ 23 – 27 kg/m² หากค่าต่ำกว่า 21 อาจเสี่ยงต่อภาวะขาดสารอาหาร กล้ามเนื้อหาย และฟื้นตัวช้าหากเจ็บป่วย และหากมากกว่า 30 kg/m² อาจเพิ่มความเสี่ยงโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ หรือข้อเข่าเสื่อมได้
BMI ของคุณ มีค่าอยู่ที่เท่าไหร่?
หาค่า BMI และค่า IBW เพื่อวางแผนมื้ออาหารและปรับเปลี่ยนโปรแกรมการใช้ชีวิตของคุณให้เหมาะสม
2. จัดการโภชนาการอย่างชาญฉลาด : รับประทานอาหารให้หลากหลายครบ 5 หมู่ และเพียงพอต่อความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน โดยเฉพาะโปรตีน (1 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม) เช่น ไข่ ปลา เต้าหู้ ถั่ว และนม ซึ่งช่วยรักษามวลกล้ามเนื้อ ลดการพลัดตกหกล้มในผู้สูงอายุ เน้นอาหารที่มีธัญพืชไม่ขัดสี ผลไม้ ผัก และผลิตภัณฑ์นมไขมันต่ำ ลดการบริโภคโซเดียม หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป (Processed Foods) จำกัดการดื่มแอลกอฮอล์ และดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ
สำหรับผู้สูงอายุที่มีน้ำหนักน้อย : ควรปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการเพื่อเพิ่มอาหารตามอัตราส่วนที่เหมาะสม หรือแบ่งมื้ออาหาร 5 – 6 มื้อเล็กๆ ต่อวัน เพื่อให้ได้สารอาหารที่ครบถ้วน
3. ลงทุนกับการออกกำลังกาย : ออกกำลังกายวันละ 30 นาที สัปดาห์ละ 5 วัน เช่น การเดิน ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน รวมไปถึงการจัดการความเครียด เช่น การฝึกโยคะ ไทชิ การเคลื่อนไหวร่างกายช่วยให้หัวใจสูบฉีดเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดแรงดันในหลอดเลือด หรือการหากิจกรรมเพื่อผ่อนคลายความเครียดก็จะช่วยทำให้การควบคุมความดันโลหิตดีขึ้นได้
4. หมั่นตรวจวัดและใส่ใจ : ตรวจวัดความดันโลหิตและตรวจการได้ยินเป็นประจำทุกปี ค่าความดันโลหิตที่สมดุลคือ สัญญาณของหลอดเลือดที่แข็งแรง
เพราะการได้ยินเปรียบเสมือนสะพานที่เชื่อมโยงเราเข้ากับผู้คน สังคม และโลกกว้าง
พลังของการได้ยิน ทำให้เราสามารถสร้างความสัมพันธ์ เชื่อมต่อกับสังคม และเข้าใจโลกมากขึ้น การควบคุมภาวะความดันโลหิตสูงให้อยู่ในระดับปกติผ่านการรับประทานยา การปรับเปลี่ยนอาหาร และการออกกำลังกาย จึงเป็นมาตรการสำคัญที่จะช่วยลดความเสี่ยงหรือชะลอการสูญเสียการได้ยินที่เกี่ยวข้องกับโรคหลอดเลือดได้
อย่าละเลยค่าความดันโลหิตของคุณ และอย่าละเลยการตรวจการได้ยินเป็นประจำทุกปี หากพบการสูญเสียการได้ยิน การใส่เครื่องช่วยฟังอย่างทันท่วงทีจะช่วยรักษาคุณภาพชีวิตของคุณ
ผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องช่วยฟัง พร้อมสนับสนุนการได้ยิน
ขอขอบคุณข้อมูล : กรมกิจการผู้สูงอายุ www.dop.go.th, DASH Diet – www.nhlbi.nih.gov, www.campaignforbetterhearing.us







