เครื่องช่วยฟัง โรงพยาบาล สำหรับผู้สูงอายุ หูไม่ได้ยิน เครื่องช่วยฟังจะไม่ได้มีจำหน่ายทุกโรงพยาบาล จะต้องเป็นโรงพยาบาลที่มีแผนกหูคอจมูก และมีห้องตรวจการได้ยิน
Posts
หลายท่านมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการ “ซื้อเครื่องช่วยฟัง” อยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็น…
-
ซื้อเครื่องช่วยฟังได้ที่ไหน
-
เราสามารถซื้อใส่เองได้เลยไหม
-
เราต้องพบแพทย์ที่โรงพยาบาลก่อนหรือไม่
-
เครื่องช่วยฟังในอินเทอร์เน็ตแตกต่างกับเครื่องที่จำหน่ายตามร้านอย่างไร
-
ทำไมเครื่องช่วยฟังในอินเทอร์เน็ต มีราคาถูก
-
เครื่องช่วยฟังทำไมราคาแพง ราคาหลักหมื่นถึงหลักแสน
คำถามเหล่านี้ มักจะเกิดขึ้นกับผู้มีปัญหาการได้ยิน และเริ่มมองหาเครื่องช่วยฟังสักเครื่องมาเป็นตัวช่วยในการฟังให้กับตน
เริ่มจาก….
ซื้อเครื่องช่วยฟัง ได้ที่ไหน?
สถานที่แรกที่คนส่วนใหญ่มักจะนึกถึง นั่นคือ…
โรงพยาบาล และแน่นอน ท่านสามารถซื้อเครื่องช่วยฟังจากโรงพยาบาล ณ แผนกหู คอ จมูกได้ และจะต้องเป็นโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์เครื่องช่วยฟัง ทั้งนี้การใส่เครื่องช่วยฟังที่โรงพยาบาล ท่านจะได้รับการตรวจการได้ยินและเครื่องช่วยฟังของท่านจะถูกปรับตามผลตรวจการได้ยิน
หมายเหตุ : โรงพยาบาลบางแห่งมีแผนกหู คอ จมูก แต่ไม่มีห้องตรวจการได้ยินและไม่มีอุปกรณ์เครื่องช่วยฟังจำหน่าย (ราคา X,XXX – XX,XXX.-)
ร้านขายยา อุปกรณ์เครื่องช่วยฟังมีจำหน่ายในร้านขายยาขนาดใหญ่ ท่านสามารถซื้อใส่เองได้โดยไม่ต้องตรวจการได้ยิน ทั้งนี้เครื่องช่วยฟังจากร้านขายยาจะไม่สามารถปรับตามผลตรวจการได้ยินได้ โปรแกรมการตั้งค่าต่างๆ จะถูกตั้งค่ามาจากโรงงาน
หมายเหตุ : เครื่องช่วยฟังจะขยายเสียงทุกเสียง ทุกความถี่เสียงเท่าๆ กัน อาจทำให้รู้สึกรำคาญได้ (ราคา X,XXX.-)
อินเทอร์เน็ต แหล่งรวมทุกอย่างที่ต้องการ ท่านจะพบกับเครื่องช่วยฟังหลากหลายรูปแบบ หลากหลายฟังก์ชั่นการทำงาน โดยที่ท่านสามารถเลือกซื้อใส่ได้เองโดยไม่ต้องตรวจการได้ยิน ทั้งนี้เครื่องช่วยฟังจะไม่ถูกตั้งค่าตามผลตรวจการได้ยินของท่าน โปรแกรมการตั้งค่าต่างๆ จะถูกตั้งค่ามาจากโรงงาน
หมายเหตุ : เครื่องช่วยฟังจะขยายเสียงทุกเสียง ทุกความถี่เสียงเท่าๆ กัน ใส่แล้วอาจทำให้รู้สึกรำคาญ เนื่องจากเครื่องไม่ได้ถูกปรับตามระดับการได้ยิน โปรดศึกษาคุณสมบัติเครื่องช่วยฟังเพิ่มเติม (ราคา XXX – XX,XXX.-)
ร้านจำหน่ายเครื่องช่วยฟัง ท่านจะได้รับการตรวจการได้ยิน เครื่องช่วยฟังของท่านจะถูกปรับตามผลตรวจการได้ยิน และเครื่องช่วยฟังสามารถเพิ่มโปรแกรมการฟัง เช่น ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า โบสถ์ ฯลฯ ตามไลฟ์สไตล์ของท่านได้ ทั้งนี้การปรับตั้งค่าเครื่องช่วยฟังจะใช้ซอฟต์แวร์ที่เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของเครื่องช่วยฟังยี่ห้อนั้นๆ โปรดศึกษาคุณสมบัติเครื่องช่วยฟังของท่าน
หมายเหตุ : ร้านจำหน่ายเครื่องช่วยฟังจะมีบริการหลังการขาย โปรดสอบถามศูนย์บริการฯ เพิ่มเติม (ราคา X,XXX – XXX,XXX.-)
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว…
ท่านผู้มีปัญหาการได้ยินพอจะทราบแหล่งข้อมูลในการเลือกซื้อเครื่องช่วยฟังให้กับตัวท่านเองแล้วว่าซื้อจากที่ไหนได้บ้าง และข้อแตกต่างของแต่ละสถานที่ที่จำหน่ายนั้นแตกต่างกันอย่างไร โปรดพิจารณาจากความคุ้มค่าและประโยชน์ที่ท่านจะได้รับหลังจากนี้
ซื้อเครื่องช่วยฟัง ต้องพบแพทย์ก่อนไหม?
วิธีการเลือกซื้อเครื่องช่วยฟังที่ดีที่สุด คือ แนะนำให้พบแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านการได้ยิน ณ โรงพยาบาลหรือศูนย์จำหน่ายอุปกรณ์เครื่องช่วยฟัง ท่านจะได้รับการตรวจวัดระดับการได้ยิน ว่าท่านสูญเสียการได้ยินอยู่ในระดับใด และเหมาะกับเครื่องช่วยฟังประเภทไหน เพื่อการปรับเครื่องช่วยฟังให้พอดีกับระดับการสูญเสียการได้ยิน ใส่เครื่องแล้วฟังสบายและได้รับประโยชน์สูงสุด
“กรณีการได้ยินลดลงแบบเฉียบพลัน แนะนำให้พบแพทย์เพื่อทำการรักษาโดยเร็วที่สุด หากปล่อยทิ้งไว้นาน ท่านอาจสูญเสียการได้ยินไปตลอดชีวิต”
บริการตรวจการได้ยิน ทดลองเครื่องช่วยฟังคุณภาพสูง
ศูนย์สุขภาพการได้ยินอินทิเม็กซ์ เชียงใหม่
โทร: 053-271533, 089-0537111
ปัจจัยการสูญเสียการได้ยิน เกิดขึ้นได้หลายสาเหตุ ปัจจุบันยังไม่มียารักษาใด ที่ช่วยฟื้นฟูภาวะการสูญเสียการได้ยินให้กลับมาเป็นปกติดังเดิมได้ การใส่เครื่องช่วยฟังจึงเป็นวิธีที่ช่วยให้การได้ยินดีขึ้น
ก่อนซื้อ “เครื่องช่วยฟัง” ต้องรู้อะไรบ้าง?
เครื่องช่วยฟัง ปัจจุบันมีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ หลากหลายราคา เครื่องช่วยฟังระบบดิจิตอลที่ได้รับมาตรฐาน อุปกรณ์ทางการแพทย์ที่สามารถปรับตั้งค่าตามผลตรวจการได้ยิน ขยายเสียงให้พอดีกับการได้ยินที่บกพร่องไปนั้นราคาเครื่องค่อนข้างสูง ราคาตั้งแต่หลักหมื่นไปจนถึงหลักแสน
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของเครื่องที่ผู้สวมใส่ต้องการ เรามี 5 ข้อควรรู้ที่จะช่วยในการตัดสินใจซื้อเครื่องช่วยฟังให้กับท่าน ดังนี้
5 ข้อควรรู้ ก่อนตัดสินใจซื้อเครื่องช่วยฟัง
สำหรับผู้ที่ไม่เคยใส่ เครื่องช่วยฟัง มาก่อน
1. ระดับการสูญเสียการได้ยิน
อันดับแรก ท่านจะต้องทราบระดับการสูญเสียการได้ยินว่าอยู่ในระดับใด หรือในระดับความดังกี่เดซิเบล (dB) โดยระดับการสูญเสียการได้ยิน ดังภาพต่อไปนี้
ข้อบ่งชี้ การใส่เครื่องช่วยฟัง ควรใส่เมื่อมีการสูญเสียการได้ยินในระดับ 40 เดซิเบล ขึ้นไป
2. กำลังขยายของ เครื่องช่วยฟัง
ผลการตรวจวัดระดับการสูญเสียการได้ยิน จะช่วยให้ท่านเลือก ประเภทของเครื่องช่วยฟัง ที่เหมาะสมกับผลตรวจได้ง่ายมากยิ่งขึ้น และควรเลือกเครื่องช่วยฟังที่มีกำลังขยายที่สามารถรองรับกับการสูญเสียการได้ยินที่อาจเพิ่มขึ้นได้
• เครื่องช่วยฟังแบบในช่องหู (In The Ear – ITE) เหมาะสำหรับผู้สูญเสียการได้ยินในระดับเล็กน้อยถึงค่อนข้างรุนแรง (41 – 70 dB)
• เครื่องช่วยฟังแบบทัดหลังหู (Behind The Ear – BTE) เหมาะสำหรับผู้สูญเสียการได้ยินในระดับเล็กน้อยถึงค่อนข้างรุนแรง (41 – 70 dB)
• เครื่องช่วยฟังแบบทัดหลังหูกำลังขยายสูง (Power Behind The Ear – Power BTE) เหมาะสำหรับผู้สูญเสียการได้ยินในระดับรุนแรงขึ้นไป (71 – 90 dB)
หมายเหตุ กรณีสูญเสียการได้ยินระดับรุนแรง 90 เดซิเบลขึ้นไป การใส่เครื่องช่วยฟังจะไม่ได้ประโยชน์ ในกรณีนี้การ ผ่าตัดประสาทหูเทียม จะเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง
3. การรับประกัน และบริการหลังการขาย
การเลือกซื้อเครื่องช่วยฟัง นอกจากเรื่องราคาแล้ว ยังควรคำนึงถึงการรับประกันและบริการหลังการขายของสถานที่จำหน่าย และเมื่อท่านตัดสินใจซื้อเครื่องช่วยฟังแล้ว
สิ่งที่ท่านควรสอบถามเพิ่มเติมกับผู้ให้บริการ คือ
• ระยะเวลาการรับประกัน และเงื่อนไขในการรับประกัน
• บริการหลังการขาย เช่น การติดตามผลหลังจากใส่เครื่อง การปรับเครื่องช่วยฟัง การทำความสะอาดเครื่อง
• ศูนย์ให้บริการ (กรณีเครื่องมีปัญหา) เช่น ศูนย์ซ่อมเครื่อง ระยะเวลาการซ่อม ค่าใช้จ่าย/ราคาอะไหล่ เครื่องสำรองระหว่างซ่อม
ดังนั้น ก่อนตัดสินใจเลือกซื้อเครื่องช่วยฟังจะต้องมั่นใจว่าหลังจากที่ท่านซื้อเครื่องช่วยฟังไปแล้วและเกิดปัญหาขึ้น ท่านสามารถกลับไปยังศูนย์ที่ให้บริการได้
4. ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น
การใช้เครื่องช่วยฟังจะมีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น คือ ค่าใช้จ่ายแบตเตอรี่เครื่องช่วยฟัง และค่าใช้จ่ายสารดูดความชื้น เนื่องจากเครื่องช่วยฟังเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ และในการสวมใส่เครื่องเป็นประจำทุกวัน ความชื้นอาจถูกสะสมอยู่ภายใน ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้อุปกรณ์ชำรุดได้ การใช้สารดูดความชื้นจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่จะช่วยในการยืดอายุการใช้งานให้กับเครื่องช่วยฟัง
ค่าใช้จ่ายอื่นๆ สอบถามเพิ่มเติมกับทางศูนย์บริการนั้นๆ
หมายเหตุ แบตเตอรี่ต้องเป็นแบตเตอรี่เครื่องช่วยฟัง เท่านั้น ไม่สามารถนำแบตเตอรี่ชนิดอื่นมาใส่แทนกันได้ เนื่องจากมีประจุไฟที่แตกต่างกัน อาจทำให้เครื่องช่วยฟังเกิดความเสียหายได้
5. ความคาดหวังของการใส่เครื่องช่วยฟัง
ผู้ใส่เครื่องช่วยฟังครั้งแรก และส่วนใหญ่มักจะเข้าใจว่า การใส่เครื่องช่วยฟังนั้นจะทำให้การได้ยินกลับมาได้ยินปกติดังเดิม ซึ่งความเป็นจริงแล้วการใส่เครื่องช่วยฟังเป็นเพียงวิธีการช่วยให้การได้ยินดีขึ้น แต่ไม่สามารถกลับมาได้ยินเป็นปกติ 100% ได้
การใส่เครื่องช่วยฟังครั้งแรกจำเป็นต้องฝึกทำความคุ้นเคยกับเครื่อง โดยการนับชั่วโมงการใส่เครื่อง ฝึกการฟัง ฝึกการพูด เพื่อประโยชน์ของตัวท่านเอง
ปรึกษาปัญหาการได้ยิน ตรวจการได้ยิน ทดลองเครื่องช่วยฟัง
ศูนย์สุขภาพการได้ยินอินทิเม็กซ์ เชียงใหม่ โทร: 053-271533, 089-0537111
สำหรับผู้ที่มีปัญหาการได้ยิน และกำลังจะซื้อเครื่องช่วยฟัง ลองเช็คดูว่า 9 ข้อนี้ มีข้อไหนที่คุณยังไม่ทราบบ้าง จะได้มั่นใจเลือกซื้อได้ดียิ่งขึ้นนะครับ
1. ไม่สามารถกลับไปได้ยินดีเหมือนเดิม ถึงแม่เทคโนโลยีจะถูกพัฒนามาได้มากขนาดไหน แต่เครื่องช่วยฟังที่มีอยู่ในปัจจุบันนี้ ก็ยังไม่สามารถรักษาให้คุณกลับไปได้ยินดีได้เหมือนเดิม 100 % ได้
2. ต่างประเภท ต่างประสิทธิภาพ เครื่องช่วยฟังจะมีหลายประเภท นักแก้ไขการได้ยินจะแนะนำประเภทที่เหมาะสมกับคุณ ขึ้นอยู่กับระดับการได้ยิน และการใช้ชีวิตประวันของคุณ
3. ยังมีเสียงรบกวนอยู่ เราอยากให้คุณทราบตามความเป็นจริงว่า เครื่องช่วยฟังที่คุณภาพดีที่สุด ก็ไม่สามารถกรองเสียงรบกวนออกไปได้ทั้งหมด เพียงแต่จะช่วยลดเสียงรบกวนลงไป และเพิ่มเสียงพูดให้ชัดเจนขึ้นเท่านั้น สำหรับการแก้ปัญหาเสียงรบกวนที่ดีที่สุด คุณควรจะเลือกเครื่องช่วยฟังที่มีไมโครโฟนรับฟังเสียงเฉพาะทิศทาง (Directional Microphone) ที่มาพร้อมกับระบบประมวลผลแบบดิจิตอล (Digital Signal Processing) ซึ่งจะทำให้คุณได้ยินเสียงพูดที่ชัดเจนและลดเสียงรบกวนรอบข้างได้ดีที่สุด
4. สวมใส่สบาย เพราะเครื่องช่วยฟังจะอยู่กับคุณทุกๆ วัน คุณจึงควรมีพิมพ์หูที่สวมใส่ได้พอดีกับช่องหูของคุณ ซึ่งจะทำให้คุณใส่เครื่องช่วยฟังได้สบายจนแทบไม่รู้สึกถึงการสวมใส่เลย หากว่าการใส่เครื่องช่วยฟังทำให้คุณรู้สึกปวด คัน หรือมีเลือดไหลออกจากช่องหู ให้รีบไปขอคำแนะนำจากศูนย์เครื่องช่วยฟังที่คุณซื้อมา
5. ไม่ควรมีเสียงหวีด เป็นเรื่องปกติที่เวลาคุณกำลังสวมใส่เครื่องช่วยฟัง จะมีเสียงหวีดออกมาบ้าง ซึ่งจะหายไปหลังจากใส่ให้พอดีกับช่องหูแล้ว แต่หากยังมีเสียงหวีดภายหลังการใส่เครื่องช่วยฟัง ก็จะมาจากพิมพ์หูที่ไม่พอดีกับช่องหู คุณจึงควรกลับไปยังศูนย์เครื่องช่วยฟังที่คุณซื้อมา เพื่อให้เขาปรับพิมพ์หูให้เหมาะสม
6. ใช้ได้เฉพาะคน อย่าใช้เครื่องช่วยฟังของคนอื่น เพราะเครื่องช่วยฟังที่ดี ไม่ใช่แค่เป็นเครื่องขยายทุกเสียงให้ดังขึ้น แต่เครื่องช่วยฟังที่ดี จะช่วยขยายเสียงในคลื่นความถี่ที่แต่ละคนสูญเสียไป และเนื่องจากแต่ละคนมีการสูญเสียการได้ยินในระดับที่แตกต่างกัน จึงจะต้องมีการปรับเครื่องช่วยฟังที่ต่างกันด้วย
7. แพทย์ก็เชี่ยวชาญไม่เหมือนกัน ไม่ใช่ว่าแพทย์ทุกท่านที่จะมีความเชี่ยวชาญในเรื่องการสูญเสียการได้ยิน คุณจึงควรเลือกที่จะขอคำปรึกษากับแพทย์ที่เชี่ยวชาญเฉพาะด้านนี้เท่านั้น
8. ทดลองใช้ก่อน การไปพูดคุยกับนักแก้ไขการได้ยินหรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพียงอย่างเดียว อาจไม่สามารถยืนยันได้มากพอว่าจะทำให้คุณได้เครื่องช่วยฟังที่เหมาะสมกับคุณจริงๆ เราจึงแนะนำให้คุณลองเอาเครื่องช่วยฟังกลับไปลองใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งศูนย์เรายินดีให้คุณทดลองใช้ 3-7 วันแล้วค่อยตัดสินใจก่อนซื้อจริง
9. ใช้เวลาปรับตัว ใช่ว่าผู้ใช้เครื่องช่วยฟังทุกคนจะปรับตัวได้ทันทีทันใด โดยส่วนมากแล้วจะต้องใช้เวลาประมาณ 2 อาทิตย์ขึ้นไปถึงจะค่อยๆ ชินกับเสียงที่ได้ยินชัดเจนขึ้น เราจึงไม่อยากให้คุณด่วนใจร้อนเกินไปกับการใส่เครื่องช่วยฟังในช่วงแรก
เพราะการมีการได้ยินที่ดี คือส่วนหนึ่งที่จะเติมเต็มให้ชีวิตคุณมีความสุขมากยิ่งขึ้น เราจึงอยากให้คุณมีข้อมูลที่มากพอก่อนตัดสินใจในการซื้อเครื่องช่วยฟังแต่ละครั้ง
หรือหากคุณอยากทราบข้อมูลเพิ่ม หรือทดลองใช้เครื่องช่วยฟัง เรายินดีให้บริการครับ
ศูนย์สุขภาพการได้ยินอินทิเม็กซ์ เชียงใหม่
โทร: 053271533, 0890537111
คุยเฟสบุ๊ค: m.me/hearingchiangmai
คุยไลน์: line.me/ti/p/%40hearingchiangmai
(ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก BetterHearing.org)