เครื่องช่วยฟัง ตรวจการได้ยิน เชียงใหม่

 

ปัจจุบันเราสามารถหาข้อมูลทุกอย่างได้จากอินเตอร์เน็ต รวมถึงการซื้อของออนไลน์ที่มีความสะดวกสบาย และตัวเลือกที่หลากหลาย แต่อย่างไรก็ตาม สำหรับอุปกรณ์บางอย่าง เช่น เครื่องช่วยฟัง ซึ่งมีหลายเรื่องที่คุณควรทราบ

 

ก่อนตัดสินใจเลือกซื้อเครื่องช่วยฟัง

จากอินเตอร์เน็ต


  1. เครื่องช่วยฟัง เป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ชนิดหนึ่ง ที่ไม่เพียงแค่ช่วยขยายเสียงให้เราได้ยินชัดขึ้น แต่ยังสามารถช่วยเติมการได้ยินในคลื่นความถี่ที่เราสูญเสียไป โดยไม่กระทบกับคลื่นความถี่ที่เรายังได้ยินดีอยู่
  2. การเลือกซื้อเครื่องช่วยฟัง ควรเลือกซื้อเครื่องช่วยฟังที่สามารถปรับตามผลตรวจการได้ยิน (Audiogram) ที่เหมาะสมกับหูของเรา เพื่อถนอมสุขภาพการได้ยิน ให้เราสามารถได้ยินไปนานๆ สำหรับเครื่องช่วยฟังที่ไม่ได้ปรับให้เข้ากับผลตรวจการได้ยินนั้น ไม่ต่างอะไรกับการเอาลำโพงขยายเสียงมากรอกข้างหู ซึ่งในระยะยาวอาจส่งผลเสียมากกว่าผลดี
  3. หากจำเป็นจะต้องใส่เครื่องช่วยฟัง เราจะต้องตรวจการได้ยินกับนักแก้ไขการได้ยิน (Audiologist) เพื่อให้ทราบระดับการสูญเสียการได้ยินก่อนตัดสินใจซื้อเครื่องช่วยฟัง เครื่องช่วยฟังในปัจจุบันสามารถปรับผ่านโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่มีความแม่นยำสูง ปรับตามคลื่นความถี่ต่างๆ ที่เราสูญเสียไป ซึ่งการเลือกซื้อเครื่องช่วยฟังจากอินเตอร์เน็ตส่วนใหญ่แล้วจะไม่มีการปรับเครื่องตามระดับการได้ยินของเรา จะทำได้เพียงแต่การปรับกำลังขยายเสียง เพิ่ม – ลด เท่านั้น ทำให้คลื่นความถี่ที่เราได้ยินดีอยู่แล้วถูกรบกวน และทำให้เสื่อมลงเร็วขึ้น
  4. การแก้ปัญหาหูตึง เพื่อให้มีการได้ยินที่ดี ไม่ได้เป็นเพียงการเลือกซื้อเครื่องช่วยฟังมาใส่เท่านั้น เพราะนักแก้ไขการได้ยินจะซักประวัติการรักษาทางการแพทย์ ซักถามลักษณะการใช้ชีวิตประจำวัน เพื่อเลือกเครื่องช่วยฟังและปรับเครื่องช่วยฟังให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมของผู้ใช้จริง รวมถึงการนัดติดตามผลหลังการใส่เครื่องช่วยฟัง การรับประกัน และการบริการหลังการขาย เช่น การบริการเช็คล้างทำความสะอาด อบไล่ความชื้น และปรับเครื่องช่วยฟังให้เหมาะสมทุกๆ 3 เดือน
  5. การตรวจการได้ยินด้วยตัวเองจากอินเตอร์เน็ต (Online Hearing Screen) เป็นการทดสอบเบื้องต้นว่าเรามีปัญหาการได้ยิน แต่ไม่สามารถบอกถึงอาการหรือสาเหตุในเชิงลึกได้ ซึ่งเราจะต้องได้รับการตรวจจากนักแก้ไขการได้ยินเพิ่มเติม

 

หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการเลือกซื้อเครื่องช่วยฟัง เราพร้อมให้คำปรึกษา

ศูนย์สุขภาพการได้ยินอินทิเม็กซ์ เชียงใหม่
โทร: 053271533, 0890537111
คุยเฟสบุ๊ค: m.me/hearingchiangmai
คุยไลน์: line.me/ti/p/%40hearingchiangmai

สิทธิการเบิกเครื่องช่วยฟัง ประสาทหูเทียม

 

หลายท่านที่กังวลเรื่อง “สิทธิการเบิกเครื่องช่วยฟัง” อุปกรณ์ช่วยการได้ยิน และประสาทหูเทียม

เรารวบรวมข้อมูลล่าสุด ตามระเบียบกรมบัญชีกลาง ณ วันที่ 28 พฤศจิกายน 2567 มาดังนี้

 

1. สิทธิการเบิกเครื่องช่วยฟัง สำหรับ ข้าราชการ หรือพนักงานรัฐวิสาหกิจ

สามารถเบิกให้กับตนเอง สามีหรือภรรยา ลูกหรือบิดามารดา ได้ดังนี้

• เบิกค่าเครื่องช่วยฟังได้ ข้างละ 13,500 บาท

• เบิกค่าอุปกรณ์ประสาทหูเทียมได้ ชุดละ 850,000 บาท

หมายเหตุ เบิกเครื่องช่วยฟังเครื่องใหม่ได้ เมื่อการใช้งานเครื่องช่วยฟัง ครบ 3 ปี

 

2. สิทธิการเบิกเครื่องช่วยฟัง สำหรับ ผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม

สามารถเบิกอุปกรณ์ช่วยการได้ยินประเภทเครื่องช่วยฟัง ให้กับตนเองได้เท่านั้น

• เครื่องช่วยฟังประเภททัดหลังหู เบิกได้ข้างละ 12,000 บาท

• เครื่องช่วยฟังประเภทในช่องหู เบิกได้ข้างละ 12,500 บาท

 

 

หากมีข้อสงสัย สอบถามเพิ่มเติมได้ที่

ศูนย์สุขภาพการได้ยินอินทิเม็กซ์ เชียงใหม่
โทร: 053271533, 0890537111
เฟซบุ๊ค: m.me/hearingchiangmai
ไลน์: line.me/ti/p/%40hearingchiangmai

หูอื้อบนเครื่องบิน

 

      อาการปวดหู หรือ หูอื้อบนเครื่องบิน เมื่อก้าวขึ้นเครื่องคงทำให้หลายคนรู้สึกกังวลใจอยู่ไม่น้อย เรามีคำแนะนำสำหรับผู้ที่กำลังจะเดินทางโดยเครื่องบินและมักประสบปัญหาปวดหู หรือหูอื้อ ให้ได้เตรียมพร้อมและป้องกันกับอาการดังกล่าว ตั้งแต่ก่อนขึ้นเครื่อง ช่วงอยู่บนเครื่อง และหลังจากลงเครื่อง

 

เตรียมความพร้อมสำหรับเดินทางโดยเครื่องบินแล้วปวดหู หรือหูอื้อ

 

หูอื้อบนเครื่องบิน (จนเจ็บหู)  เกิดจากอะไร?

      สาเหตุหลักๆ ก็มาจากความดันอากาศนั่นเอง โดยปกติความดันอากาศภายในหูชั้นกลางกับความดันอากาศภายนอกหู จะอยู่ในระดับเดียวกันหรือใกล้เคียงกัน แม้กระทั่งเวลาเราเดินเล่นบนยอดเขาสูงๆ ที่มีความกดอากาศต่ำกว่าปกติ ก็มักไม่เกิดปัญหาหูอื้อจนปวดหู เพราะร่างกายจะค่อยๆ ปรับความดันอากาศในหูชั้นกลางให้เป็นระดับเดียวกับภายนอกหูได้

      การขึ้นเครื่องบินเป็นการเปลี่ยนแปลงระดับความสูงที่รวดเร็ว ทำให้ร่างกายไม่สามารถปรับระดับความดันอากาศในหูชั้นกลางกับระดับความกดอากาศภายนอกได้ทัน ส่งผลให้เยื่อแก้วหูมีอาการบวมอย่างกะทันหัน จึงเป็นสาเหตุให้เกิดอาการหูอื้อจนปวดหูขึ้น รวมถึงทำให้ระดับการได้ยินลดน้อยลงด้วย

 

ทำยังไงให้ลดอาการหูอื้อบนเครื่องบิน?

  1. กลืนน้ำลาย การกลืนน้ำลาย จะทำให้ท่อปรับความดันในหูชั้นกลาง ช่วยรักษาความดันระหว่างหูชั้นกลางและภายนอกหูให้มีระดับเท่ากัน เราจึงควรกลืนน้ำลายให้บ่อยขึ้นในขณะขึ้นเครื่องบิน เพื่อเป็นการกระตุ้นการทำงานของท่อปรับความดันในหูชั้นกลาง
  2. เคี้ยวหมากฝรั่ง คล้ายๆ กับข้อที่ 1 การเคี้ยวหมากฝรั่ง การอมลูกอม หรือการใช้หลอดเพื่อดื่มเครื่องดื่ม จะเป็นการกระตุ้นให้มีการกลืนน้ำลายบ่อยขึ้น จึงเป็นการช่วยปรับความดันอากาศภายในหูชั้นกลางและภายนอกหูให้มีระดับเท่ากัน และช่วยลดอาการปวดหูจากหูอื้อไปได้เยอะทีเดียว
  3. ปรับความดันในหู วิธีปรับความดันอากาศในหูชั้นกลาง ทำได้โดยวิธี Valsalva Maneuver คือการสูดหายใจเข้าให้เต็มที่ แล้วปิดปากปิดจมูกโดยเอามือบีบจมูกไว้ หลังจากนั้นให้เบ่งลมออก วิธีนี้อากาศจะผ่านไปกระตุ้นให้ท่อปรับความดันในหูชั้นกลางทำงาน หลังจากนั้นเอามือที่บีบจมูกออกแล้วจึงกลืนน้ำลาย 1 ครั้ง แต่ควรระวังสำหรับคนที่เป็นหวัด ไซนัสอักเสบ ไม่ควรทำวิธีนี้ เพราะจะทำให้เชื้อโรคในจมูกหรือไซนัสเข้าไปสู่หูชั้นกลางได้

หากกำลังไม่สบาย ควรใช้วิธีปรับความดันในหูโดยวิธี Toynbee Maneuver คือปิดปากปิดจมูกโดยเอามือบีบจมูกไว้ กลืนน้ำลายหลายๆ ครั้งจนรู้สึกว่าอาการปวดหูหรือหูอื้อลดน้อยลง

 

ข้อควรรู้เพิ่มเติม

  • ถ้าเลี่ยงได้ ก็ไม่ควรขึ้นเครื่องบินในขณะเป็นหวัด ไซนัสอักเสบ หรือมีอาการภูมิแพ้กำเริบ
  • ไม่ควรหลับในขณะเครื่องบินกำลังขึ้นหรือลง เพราะท่อปรับความดันในหูชั้นกลางจะทำงานลำบากขึ้นในขณะที่เราหลับ
  • ลองใช้ Flight Earplugs ที่ออกแบบมาสำหรับใช้อุดหูบนเครื่องบินเท่านั้น ใช้ตอนเครื่องบินจะขึ้นหรือลง จะช่วยปรับความดันอากาศในหูชั้นกลางให้พอดีกับภายนอกหูได้ (หาซื้อได้ตามร้านขายยาขนาดใหญ่)
  • ดื่มน้ำในขณะอยู่บนเครื่องบิน จะช่วยลดอาการหูอื้อได้บ้าง
  • อาจปรึกษาแพทย์เพื่อใช้ยาพ่นจมูกหดหลอดเลือด (Topical Decongestant เช่น Ephedrine, Oxymetazoline) ก่อนเครื่องบินจะขึ้นหรือลงประมาณ 5 นาที หรืออาจรับประทานยาหดหลอดเลือด (Oral Decongestant เช่น Psedoephedrine) ก่อนเครื่องบินจะขึ้นหรือลงประมาณ 30 นาที จะช่วยลดการบวมของท่อปรับความดันในหูชั้นกลางได้

 

นำวิธีดังกล่าวไปลองปรับใช้ เพื่อการเดินทางโดยสารบนเครื่องบินได้อย่างไร้กังวล

 

 

ศูนย์สุขภาพการได้ยินอินทิเม็กซ์ เชียงใหม่
โทร: 053271533, 0890537111
คุยเฟสบุ๊ค: m.me/hearingchiangmai
คุยไลน์: line.me/ti/p/%40hearingchiangmai

 

ขอบคุณข้อมูลจาก

Healthy Hearing และ Siriraj E-Public Library

พ่อแม่ หูตึง ใส่เครื่องช่วยฟัง

 

      เมื่อพ่อแม่เริ่ม หูตึง ไม่ได้ยิน ก่อนอื่นเลย เราในฐานะที่เป็นลูกก็อย่าไปหงุดหงิดที่ต้องคอยพูดกับท่านซ้ำหลายครั้งนะครับ เพราะพ่อแม่ของเราก็อาจจะไม่มีความสุขเช่นกัน และสิ่งสำคัญที่ควรรู้ก็คือ อาการหูตึง สามารถทำให้เกิดหลายปัญหาตามมา เช่น

  • ความไม่มั่นใจในการพูดคุย
  • ปัญหาด้านความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง
  • สมองทำงานหนักในการพยายามฟัง
  • อาจส่งผลต่อสมองเสื่อมในอนาคต

 

      เราสามารถแก้ปัญหานี้ได้ด้วยการพาพ่อแม่ท่านไปตรวจการได้ยิน และเลือกใส่เครื่องช่วยฟังที่เหมาะสมกับการได้ยินของท่านได้ แต่ก็มีลูกๆ หลายท่านมาปรึกษาว่าไม่รู้จะพูดกับพ่อแม่ท่านยังไง เพื่อให้ท่านยอมรับเรื่องปัญหาหูตึง และยอมมาตรวจการได้ยินพร้อมกับใส่เครื่องช่วยฟัง วันนี้เราเลยมีคำแนะนำเบื้องต้น เพื่อให้เอาไปพูดคุยกับท่านได้ง่ายขึ้นครับ

 

7 คำแนะนำ เมื่อพ่อแม่เริ่มหูตึง ไม่ได้ยิน


1. ทำการบ้านล่วงหน้า

      ค้นคว้าและศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับอาการหูตึงและเครื่องช่วยฟังแบบต่างๆ เพื่อที่เวลาพูดคุยกับพ่อแม่ จะได้ตอบคำถามที่พวกท่านสงสัยได้อย่างมั่นใจ การที่พ่อแม่รู้ว่าลูกมีข้อมูลที่เตรียมพร้อม จะทำให้ท่านเปิดใจรับฟังมากขึ้น

      หรือว่างๆ ก็เข้ามาเยี่ยมชมศูนย์สุขภาพการได้ยินอินทิเม็กซ์ เรามีผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ หรือเข้าไปอ่าน บทความเกี่ยวกับการได้ยิน

 

2. กาลเทศะ

      ถ้าพ่อแม่กำลังเครียดหรือไม่สบายใจเรื่องอื่นอยู่ ก็อย่าเพิ่งใจร้อนคุยเรื่องหูตึงหรือเรื่องการใส่เครื่องช่วยฟัง ลองรอคุยในช่วงที่พวกท่านกำลังมีความสุข ปิดทีวีและเครื่องมือสื่อสารทุกชนิดเพื่อกันการรบกวนขณะพูดคุย

 

3. เอาใจเขามาใส่ใจเรา

      ให้ลองนึกภาพตามนะ อีกไม่กี่ปีคุณก็จะแก่ตัวลง และอาจมีปัญหาการได้ยินจนพูดคุยกับคนอื่นไม่รู้เรื่อง ถึงตอนนั้นคุณก็คงจะหงุดหงิดง่าย ไม่ค่อยมีความสุขใช่ไหมครับ?

      พ่อแม่คุณก็เหมือนกัน เวลาคุณคุยกับพวกท่าน ให้ใจเย็นๆ และเข้าใจว่าท่านอาจจะกำลังไม่มีความสุข จึงหงุดหงิดง่าย เราในฐานะที่เป็นลูกจึงควรแสดงความห่วงใย รับรองท่านจะสัมผัสถึงความรัก และยอมฟังคำแนะนำจากคุณเอง

 

4. พูดถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น

      อย่ามัวแต่พูดคุยเกี่ยวกับหูตึง หูตึง และหูตึง เพราะอาจทำให้พ่อแม่เครียดและไม่อยากฟัง แต่ให้พูดคุยกับพวกท่านถึงผลกระทบต่างๆ ที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิต ลองแสดงให้พวกท่านเห็นว่าคุณรู้สึกเสียใจแค่ไหนที่เห็นพ่อแม่ไม่มีความสุขในการพูดคุย หรือบางกิจกรรมที่เคยชอบเช่นการดูทีวี ท่านก็ไม่สามารถฟังได้อย่างมีความสุขเหมือนเคย

      การบอกพ่อแม่ไปด้วยความเป็นห่วง ว่าเราไม่อยากให้ท่านเหนื่อยกับการพยายามฟัง จะทำให้ท่านเปิดใจและเห็นผลกระทบของอาการหูตึงต่อคุณภาพชีวิตได้

 

5. เป็นทั้งลูกและเพื่อน

      เชื่อไหมครับ พอพ่อแม่แก่ตัวลง ท่านก็อยากมีเพื่อนไปไหนมาไหนด้วย ยิ่งพอเจอกับปัญหาหูตึงและต้องหาเครื่องช่วยฟังใส่ พวกท่านจะยิ่งเครียดว่าจะไปขอคำแนะนำจากที่ไหนดี ตอนนี้แล่ะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม ที่คุณควรจะทำตัวให้ว่างคอยพาท่านไปคุยกับคุณหมอ หรือคุยกับนักแก้ไขการได้ยิน ข้อมูลใหม่ๆ บางอย่างอาจจะยากเกินไปที่ท่านจะเข้าใจ แต่ถ้ามีลูกที่พร้อมเป็นเพื่อน ไปร่วมฟังและช่วยอธิบายให้ท่านเข้าใจมากขึ้น คุณคิดว่าพ่อแม่จะอุ่นใจขนาดไหนครับ?

 

6. พ่อแม่ไม่ต้อง ลูกจ่ายเอง

      เชื่อไหมครับ คนไข้หลายรายที่มาที่ศูนย์สุขภาพการได้ยินอินทิเม็กซ์ ตอนแรกที่ลองใส่เครื่องช่วยฟังแล้วชอบมาก บางรายถึงขั้นหัวเราะด้วยความสุขว่าได้ยินชัดเหมือนเดิมแล้ว แต่พอรู้ราคาเครื่องช่วยฟังเท่านั้นแล่ะ ก็สีหน้าเปลี่ยนไป เพราะกลัวจะสิ้นเปลือง โดยลืมคิดไปว่าการลงทุนเพื่อสุขภาพเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด

      เราในฐานะเป็นลูก ให้ลองมองย้อนไปในอดีต ว่าตอนเราเป็นเด็ก ท่านเคยตามใจเรามากขนาดไหน? หมดเงินไปกับเราเท่าไหร่? แล้วตอนนี้แค่เครื่องช่วยฟัง 1-2 เครื่อง เราจะซื้อให้ท่านไม่ได้เชียวเหรอ? ลองเสนอตัวว่าคุณจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายให้ท่านดูสิครับ นอกจากจะทำให้พ่อแม่มีความสุข แต่ก็จะทำให้คุณมีความสุขที่ได้ตอบแทนท่านเช่นกัน

 

7. เป็นพยาบาลส่วนตัว

      ถ้าพ่อแม่ยอมมาตรวจการได้ยินและใส่เครื่องช่วยฟัง เราขอแสดงความยินดีกับคุณด้วยนะครับ แต่นั่นเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น เพราะหลังจากนั้นพวกท่านจะต้องใช้เวลาในการปรับตัวให้เคยชินกับการใส่เครื่องช่วยฟัง

      ไม่ว่าจะเป็นการได้ยินเสียงดังอีกครั้งหลังจากไม่ได้ยินมานาน การเก็บรักษาเครื่องช่วยฟัง การนัดหมายเพื่อเจอกับนักแก้ไขการได้ยินอย่างสม่ำเสมอ หลายอย่างเหล่านี้อาจทำให้พ่อแม่เครียด บางรายรู้สึกหงุดหงิดจนถึงขนาดไม่ยอมใส่เครื่องช่วยฟัง เราจึงควรทำหน้าที่เป็นพยาบาลส่วนตัวที่ให้คำแนะนำด้วยความใจเย็น เพียงเท่านี้คงไม่หนักหนาเกินไปที่จะทำให้พ่อแม่ใช่ไหมครับ?

 

ลองเอาคำแนะนำเหล่านี้ไปใช้ในการพูดคุยกับพ่อแม่ เรามั่นใจว่าจะทำให้พวกท่านเปิดใจกับคุณมากขึ้น

 

 

เราพร้อมให้คำปรึกษา ปัญหาการได้ยิน

 

ศูนย์สุขภาพการได้ยิน อินทิเม็กซ์ เชียงใหม่
โทร: 053271533, 0890537111
คุยเฟสบุ๊ค: m.me/hearingchiangmai
คุยไลน์: line.me/ti/p/%40hearingchiangmai

.

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จากเว็บไซต์ http://www.healthyhearing.com/report/33206-How-to-tell-your-parents-they-need-hearing-aids

แมลงเข้าหู การได้ยิน

 

     เชียงใหม่และจังหวัดอื่นๆ ในพื้นที่ภาคเหนือ เราจะพบแมลงอยู่เป็นจำนวนมาก และหลายๆ ท่านมักจะปรึกษาเมื่อมีแมลงเข้าหู ว่าควรทำอย่างไร เรามีข้อควรรู้เพื่อเป็นแนวทางให้กับท่าน

 

5 ข้อควรรู้ เมื่อ “แมลงเข้าหู” ทำอย่างไร?


แมลงเข้าหู

1. อย่าแคะหู

     อย่าพยายามใช้อะไรเข้าไปเขี่ยแมลงในหู เพราะอาจทำให้แมลงยิ่งเข้าไปลึกขึ้น

 

2. อย่างอื่นที่ไม่ใช่แมลง?

     หากไม่มั่นใจว่าเป็นแมลงที่เข้าไปในหู ลองเอียงหูข้างที่สงสัยให้ต่ำลง แล้วค่อยๆ โยกศีรษะเบาๆ อาจทำให้สิ่งที่สงสัยหลุดลงมาได้

 

3. แมลงเข้าหูแน่ๆ

     หากมั่นใจว่าเป็นแมลงเข้าหู ให้นอนเอียงหูข้างนั้นขึ้น แล้วหยอดน้ำหรือน้ำมันธรรมชาติ เช่นน้ำมันมะกอก น้ำมันพืช ลงไปในหู อาจทำให้แมลงรีบไต่ออกมา หรือตายแล้วลอยออกมาที่ด้านบนได้

 

4. อยู่ในห้องมืด

     หากได้อยู่ในที่มืด อาจปิดไฟทั้งหมดแล้วใช้ไฟฉายส่องไปที่รูหู อาจทำให้แมลงไต่ออกมาตามแสงได้

 

5. อาการเจ็บหู

     หากมีอาการเจ็บหู หูอื้อ มีเลือดออก ก็อย่าพยายามแคะ อย่าหยอดน้ำหรือน้ำมันลงไป ควรรีบไปหาหมอโดยเร็วที่สุด

 

 

หากลองปฏิบัติตามวิธีข้างต้นแล้ว แมลงยังไม่ออกจากหู มีอาการเจ็บหู หูบวมแดง แนะนำพบแพทย์หู คอ จมูก

 

 

ศูนย์สุขภาพการได้ยิน อินทิเม็กซ์ เชียงใหม่
โทร: 053271533, 0890537111
เฟซบุ๊ค: m.me/hearingchiangmai
ไลน์: line.me/ti/p/%40hearingchiangmai

ตรวจหูตึง เชียงใหม่

 

5 เหตุผล ในการพาพ่อแม่ไปตรวจการได้ยิน


ป้องกัน หูตึง เชียงใหม่

1. เพื่อเตรียมตัวป้องกันปัญหา “หูตึง”

      เมื่อมีอายุ 60 ปี ผู้สูงอายุมักมีปัญหาหูตึง ยิ่งหลายรายที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด หรือแม้กระทั่งโรคทางไตที่ต้องใช้ยาเรื้อรัง เหล่านี้เป็นเป็นปัจจัยที่ทำให้ผู้สูงอายุมีโอกาสเกิดปัญหาหูตึงได้ทั้งสิ้น ใครที่มีพ่อแม่เป็นโรคประจำตัวเหล่านี้ก็รีบพาท่านไปตรวจการได้ยินนะครับ

 

 

สมองเสื่อม

2. เพื่อลดความเสี่ยงต่อโรคสมองเสื่อม

      หูตึงไม่ได้สร้างปัญหาแค่การสื่อสารกับคนรอบข้างนะครับ มีการวิจัยทั่วโลกที่ยืนยันว่าคนไข้หูตึงมีโอกาสเสี่ยงต่อสมองเสื่อมมากกว่าคนปกติ ยิ่งได้ยินไม่ชัดก็จะยิ่งเครียด สมองก็ยิ่งทำงานหนักในการตีความ จึงมีอัตราเสื่อมของสมองมากกว่าคนปกติทั่วไป หากรีบพาพ่อแม่มาตรวจการได้ยินและใส่เครื่องช่วยฟังได้แต่เนิ่นๆ ก็ช่วยลดความเสี่ยงโรคสมองเสื่อมได้

 

 

ความสัมพันธ์ หูตึง

3. เพื่อช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดี

      พ่อแม่ที่มีปัญหาหูตึงหลายรายมักไม่กล้าออกบ้านไปพบปะผู้คน เพราะอายและเครียดเวลาฟังไม่รู้เรื่อง หากรีบตรวจการได้ยินและใส่เครื่องช่วยฟัง ก็จะช่วยเรียกความมั่นใจกลับคืนมา และหากมีความรู้ในการสื่อสารมากขึ้น เช่น เลือกสถานที่พูดคุยที่เสียงไม่ดังเกินไป ฝึกการอ่านริมฝีปาก ก็จะใช้ชีวิตกับคนรอบข้างได้อย่างมีความสุขมากขึ้น

 

 

ความสุข หูตึง

4. เพื่อให้มีความสุขในชีวิตมากขึ้น

      เราหลายคนก็เคยหงุดหงิด ไม่เข้าใจพ่อแม่ว่าทำไมชอบถามซ้ำๆ รู้ไหมครับว่าพ่อแม่ก็ไม่มีความสุขที่ต้องคอยถามคนอื่นหลายครั้งเช่นกัน หากเราพาท่านไปตรวจการได้ยินและรีบรักษาอาการหูตึง การพูดคุยก็จะราบรื่นมากยิ่งขึ้น คุณพ่อคุณแม่รวมถึงตัวคุณก็จะมีความสุขมากขึ้น

 

 

เครื่องช่วยฟัง เชียงใหม่

5. เพื่อจะได้เลือกเครื่องช่วยฟังที่เหมาะสม

      การตรวจการได้ยินกับนักแก้ไขการได้ยินที่จบมาด้านนี้โดยเฉพาะ จะช่วยทำให้พ่อแม่ได้รับผลตรวจที่แม่นยำ พร้อมทั้งได้คำแนะนำเครื่องช่วยฟังที่สามารถปรับให้เข้ากับระดับการได้ยิน บางรายไม่เคยตรวจการได้ยินแต่เลือกที่จะไปซื้อเครื่องช่วยฟังราคาถูกทั่วไป กลับกลายเป็นเพียงเครื่องขยายเสียงที่อาจทำลายประสาทหูให้เสื่อมมากขึ้นได้ หากรักพ่อแม่ก็อย่าประหยัดกับเรื่องสำคัญแบบนี้เลยครับ

.

 

 

ศูนย์สุขภาพการได้ยิน อินทิเม็กซ์ เชียงใหม่
โทร: 053271533, 0890537111
คุยเฟสบุ๊ค: m.me/hearingchiangmai
คุยไลน์: line.me/ti/p/%40hearingchiangmai

หูตึง สัญญาณ อาการหูตึง เชียงใหม่

 

หูตึง เป็นปัญหาการได้ยินที่คนส่วนใหญ่มักจะเริ่มรู้ตัวก็ต่อเมื่ออายุเริ่มมากขึ้น และไม่ทันสังเกตตัวเอง ซึ่งความผิดปกติเหล่านี้ ท่านสามารถตรวจเช็คอาการได้ด้วยของท่านเอง กับ 9 อาการดังนี้

 

9 อาการ สัญญาณเสี่ยงต่อ “หูตึง”

ตรวจเช็คอาการเข้าข่าย หูตึง ได้ดังนี้


หูตึง เสียงดังในหู

1. มีเสียงดังในหู บ้างหรือเปล่า?
      เสียงดังในหู (Tinnitus) เช่น เสียงจิ้งหรีด บางรายมีลมออกหู หรือหูอื้อ ส่วนมากเกิดกับคนที่อยู่กับเสียงดังบ่อยๆ เช่นคอนเสิร์ต ผับ โรงงานอุตสาหกรรม หากใครมีอาการเสียงดังในหูบ่อยครั้ง หรือจำเป็นต้องอยู่ในที่เสียงดังเป็นประจำ แนะนำให้ตรวจการได้ยินทุกปี ปีละ 1 ครั้ง

 

หูตึง ฟังไม่รู้เรื่อง

2. คนเยอะจัง ฟังไม่รู้เรื่องเลย!
      ทำอย่างไรดีฟังไม่รู้เรื่องเลย? เวลาไปร้านอาหาร ร้านกาแฟ หรือห้างสรรพสินค้า ในที่ที่ผู้คนจอแจ มีใครมีปัญหาในการได้ยิน และพูดคุยลำบากบ้าง หากท่านมีอาการแบบนี้ เราขอแนะนำให้ท่านลองตรวจการได้ยิน

 

หูตึง พูด อะไรนะ

3. อะไรนะ คำพูดเดิม ซ้ำๆ
      รู้จักใครที่มีคำพูดติดปากว่า “อะไรนะ?” รีบแสดงความห่วงใย แสดงความรักให้เขา ด้วยการบอกให้เขามาตรวจการได้ยินเลยนะ แต่อย่ามัวแต่ห่วงใยคนอื่น โดยลืมเช็คตัวเองล่ะ คุณหรือเปล่า ที่ชอบพูดว่า “อะไรนะ?”

 

หูตึง เสียงจากไหน

4. เสียงมาจากไหนเนี่ย?!
      หลายคนแยกไม่ออกว่าเสียงที่ได้ยินมาจากไหน มาจากหน้าบ้าน จากเสียงทีวี หรือจากคนคุยกัน แบบนี้เวลาไปอยู่กับคนเยอะๆ ยิ่งสื่อสารลำบาก

 

หูตึง เปิดเสียงดัง

5. จะเปิดเสียงดังไปถึงไหน?!
      คนในบ้านก็เริ่มถามละว่าทำไมเปิดทีวีเสียงดังจัง ขับรถกับเพื่อน ก็โดนบ่นว่าเปิดเพลงเสียงดังไป อาการแบบนี้ อาจกำลังสูญเสียการได้ยิน

 

หูตึง ฟังเสียงเด็ก เสียงผู้หญิงลำบาก

6. ลำบากจัง เสียงเด็กและเสียงผู้หญิง
      ถ้าการฟังเสียงเด็กและเสียงผู้หญิงเป็นเรื่องปวดหัว ก็เป็นอีกอาการว่ากำลังสูญเสียการได้ยิน เพราะเสียงเด็กหรือผู้หญิงจะมีระดับความถี่สูงกว่าผู้ชาย ซึ่งคนที่หูตึงในระยะเริ่มต้นมักจะสูญเสียการได้ยินในช่วงความถี่สูงก่อน รีบมาตรวจการได้ยิน ก่อนที่จะหูตึงไปมากกว่านี้นะ

 

หูตึง หูอักเสบ ขี้หู

7. หูอักเสบ หรือมีขี้หูเยอะไหมจ๊ะ?
      หูอักเสบบ่อยๆ จะทำลายหูชั้นกลางได้นะ จึงส่งผลต่ออาการหูตึงได้ง่ายมากขึ้น และบางคนที่มีขี้หูเยอะ ค้นหูบ่อยๆ ก็เสียงต่ออาการหูตึงด้วยเช่นกัน การตรวจการได้ยิน เลยเป็นสิ่งที่ควรทำทุกปี

 

หูตึง บ้านหมุน

8. บ้านหมุนบ้างป่าว?
      หูชั้นในมีส่วนสัมพันธ์กับการทรงตัว คนที่มีอาการหัวหมุนบ่อยๆ หรือบ้านหมุน จึงอาจเป็นอาการผิดปกติของหูชั้นใน ใครที่บ้านหมุนบ่อยๆ รีบไปตรวจการได้ยินล่ะ คงไม่สนุกหรอกมั้ง ที่จะนั่งรถไฟเหาะตลอดเวลา

 

หูตึง ฟังแล้วเหนื่อย

9. เหนื่อยจังเวลาเม้าท์มอย
      ไม่ใช่อาการเหนื่อยใจเวลาไปเม้าท์เรื่องชาวบ้านนะ แต่หมายถึงเวลาพูดคุยกับคนอื่น แล้วรู้สึกเหนื่อยที่จะต้องตั้งใจฟังเพื่อจับใจความ บางครั้งต้องคอยบอกให้เพื่อนพูดเสียงดังฟังชัดอีก ถ้าเหนื่อยขนาดนี้ ก็มาตรวจการได้ยินด้วยกันเถอะ

 

 



เป็นอย่างไรกันบ้าง หากท่านพบอาการ 1 ใน 9 สัญญาณเตือนนี้

แนะนำท่านลองตรวจการได้ยิน เพื่อป้องกันการเสี่ยงหูตึงแต่เนิ่นๆ

 

 

ศูนย์สุขภาพการได้ยิน อินทิเม็กซ์ เชียงใหม่
โทร: 053271533, 0890537111
เฟซบุ๊ค: m.me/hearingchiangmai
ไลน์: line.me/ti/p/%40hearingchiangmai

บ้านหมุน รักษา

      หลายคนเคยเวียนศีรษะแบบรู้สึกหมุน รู้สึกว่ารอบตัวหรือสิ่งของที่มองเห็นหมุนไป หรือรู้สึกว่าตัวเองหมุนไป ทั้ง ๆ ที่ก็อยู่กับที่ หากมีอาการขึ้นมาก็ทรงตัวลำบาก เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุโดยไม่คาดคิดได้ บางคนมีอาการเป็นนาที บางคนมีอาการเป็นวัน ช่วงเวลาที่มีอาการต่างกัน ก็มาจากสาเหตุต่างกัน งั้นมาเข้าใจอาการเวียนศีรษะบ้านหมุนกันดีกว่า

 

อาการเวียนศีรษะบ้านหมุน ช่วงเวลาเป็น “วินาที”

      มักเกิดตอนเปลี่ยนท่าทาง เช่นขณะล้มตัวลงนอน ลุกจากที่นอน เงยหน้า ก้มเก็บของ มักมีอาการเป็นช่วงสั้น ๆ แค่ช่วงวินาที บางรายมีอาการคลื่นไส้หรืออาเจียนร่วมด้วย อาจมีอาการตากระตุก ขณะเปลี่ยนท่าทางเร็ว ๆ

      ถือว่าเป็นอาการเวียนศีรษะบ้านหมุนที่พบบ่อยที่สุด สาเหตุมาจาก โรคหินปูนในหูชั้นในเคลื่อน (BPPV: Benign Paroxysmal Positioning Vertigo) เป็นโรคที่เกิดจากความเสื่อมของหูชั้นใน จึงพบมากในผู้สูงอายุ

 

อาการเวียนศีรษะบ้านหมุน ช่วงเวลาเป็น “นาที”

      มีอาการหลากหลาย นอกจากเวียนศีรษะบ้านหมุน อาจเกิดอาการปวดศีรษะ ปวดไมเกรนร่วมด้วย โดยจะมีอาการครั้งละหลายนาที แต่ไม่ถึงชั่วโมง

      สาเหตุเกิดจาก ก้านสมองขาดเลือดชั่วคราว (VBI: Vertebro Basilar Arterial Insufficiency) เกิดจากการเปลี่ยนแปลงการไหลเวียนของเลือดในบริเวณส่วนใดส่วนหนึ่งของสมอง ทำให้เกิดความบกพร่องของระบบประสาท ซึ่งบกพร่องไม่เกิน 24 ชั่วโมง หากเกินกว่านี้จะถือว่าเป็นโรคหลอดเลือดสมอง

 

อาการเวียนศีรษะบ้านหมุน ช่วงเวลาเป็น “ชั่วโมง”

      มักเวียนศีรษะแบบรู้สึกหมุนอย่างรุนแรง มีอาการคลื่นไส้อาเจียนและเสียสมดุลร่างกาย อาจมีอาการนานเกิน 20 นาที ถึงหลายชั่วโมง นอกจากนี้อาจมีการได้ยินลดลง มีเสียงดังในหู บางครั้งอาจพบอาการหูอื้อด้วย

      สาเหตุเกิดจาก โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน (Meniere’s Disease) เกิดจากความผิดปกติของน้ำที่อยู่ในหูชั้นใน ระหว่างที่เกิดอาการ ควรอยู่นิ่งๆ ไม่ขยับศีรษะ เพราะอาจทำให้อาการเวียนศีรษะเพิ่มขึ้นได้

 

อาการเวียนศีรษะบ้านหมุน ช่วงเวลาเป็น “วัน”

      มักมีอาการเวียนศีรษะรุนแรงและเป็นอยู่หลายวัน โดยส่วนมากมักมีการได้ยินที่ปกติ

      สาเหตุเกิดจาก หูชั้นในอักเสบ / ติดเชื้อไวรัส (Labyrinthitis / Vestibular Neuronitis) มักมีประวัติระบบทางเดินหายใจอักเสบมาก่อน ถ้าเชื้อไวรัสลามสู่หูชั้นใน จะทำให้เกิดการอักเสบ แต่หากอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียบริเวณหูชั้นกลาง โรคหูน้ำหนวก แล้วลุกลามเข้าสู่หูชั้นใน อาการมักรุนแรง จนมีอาการสูญเสียการได้ยินร่วม

 

 

หากมีข้อสงสัยหรืออาการของโรค สามารถปรึกษาเราได้

ศูนย์สุขภาพการได้ยิน อินทิเม็กซ์ เชียงใหม่
โทร: 053271533, 0890537111
คุยเฟสบุ๊ค: m.me/hearingchiangmai
คุยไลน์: line.me/ti/p/%40hearingchiangmai

แคะหู หูตึง ขี้หู

 

รู้หรือไม่? ขี้หูก็มีประโยชน์!!

      ขี้หู เกิดจากการรวมตัวกันของสารที่ขับออกมาจากต่อมไขมันในหูชั้นนอก รวมกับผิวหนังชั้นบนที่ลอกหลุดออกมา มีสีแตกต่างกันได้ เช่น สีเหลือง น้ำตาล หรือสีแดง

      ขี้หู มีประโยชน์คือช่วยป้องกันผิวหนังของรูหูจากสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นน้ำ เหงื่อ และเชื้อโรค โดยปกติขี้หูที่สะสมอยู่จะแห้งหลุดออกมาได้เอง โดยจะไม่เคลื่อนตัวเข้าไปในส่วนลึกๆ ของรูหู จึงไม่จำเป็นต้องแคะหรือใช้สำลีเช็ดเข้าไปในหู

 

ข้อเสียของการ “แคะหู”

  1. ขี้หู แคะหูทำให้ขี้หูอุดตัน ปกติแล้วขี้หูจะค่อยๆแห้งแล้วหลุดออกมาเอง ไม่จำเป็นต้องปั่นมันออกมา เพราะจะเป็นการทำให้ขี้หูถูกดันเข้าไปข้างใน เกิดปัญหาขี้หูอุดตันได้ ถ้ามีขี้หูอุดตัน อาจจะมีอาการหูอื้อ ปวดหูหน่วง และรู้สึกว่าการได้ยินลดลง ต้องไปพบแพทย์เพื่อเอาขี้หูออก
  2. ช่องหูถลอกติดเชื้อง่าย ผิวหนังในรูหูบอบบางมาก การเอาไม้แคะหูหรือสำลีปั่นหูแรงเกินไป จะทำให้เกิดแผลถลอกอักเสบและติดเชื้อได้
  3. เยื่อแก้วหูทะลุ การแคะหูโดยไม่ระวัง อาจจะไปโดนเยื่อแก้วหู ทำให้เกิดรูทะลุ มีเลือดไหล และอาจทำให้สูญเสียการได้ยิน (หูตึง) ได้
  4. กระตุ้นการสร้างขี้หูมากขึ้น การแคะหู จะไปทำลายขี้หู ทำให้รูหูขาดสารป้องกันเชื้อ และยังไปกระตุ้นให้สร้างขี้หูเพิ่มขึ้นหากคุณปั่นหูหรือแคะหูเป็นประจำ ขี้หูก็จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และทำให้เกิดขี้หูอุดตัน

 

เช็ดหู แคะหู

วิธีดูแลสุขภาพหูอย่างถูกวิธี

      ให้ใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำบิดพอหมาดเช็ดบริเวณใบหู และรูหูเท่าที่นิ้วจะเช็ดเข้าไปได้เท่านั้น!!!

 

 

 

 

 

เราพร้อมดูแลสุขภาพการได้ยิ

ศูนย์สุขภาพการได้ยิน อินทิเม็กซ์ เชียงใหม่
โทร: 053271533, 0890537111
คุยเฟสบุ๊ค: m.me/hearingchiangmai
คุยไลน์: line.me/ti/p/%40hearingchiangmai

สมองเสื่อม อัลไซเมอร์ หูตึง การได้ยิน

      หูตึงกับผู้สูงอายุนั้นมักเป็นของคู่กัน มีคนกล่าวว่าเมื่ออายุมากขึ้นทุกอย่างในร่างกายจะหย่อนยานลง ยกเว้นหูเท่านั้นที่ตึงขึ้น! ปัญหาหูตึงในผู้สูงอายุมักจะค่อย ๆ เกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว บางคนไม่ทันได้สังเกตพอรู้ตัวอีกทีก็รู้สึกว่าตัวเองฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง ต้องให้คนอื่นพูดซ้ำ ๆ เสียงดัง ๆ

 

นั่นเป็นสัญญาณเตือนว่า ท่านควรเข้ารับการรักษาหรือควรได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญทางด้านการได้ยินได้แล้ว เพราะหากปล่อยไว้นาน นอกจากจะไม่ได้ยินหรือพูดคุยฟังสื่อสารไม่รู้เรื่องแล้ว อาจก่อให้เกิดภาวะสมองเสื่อมได้

 

การสูญเสียการได้ยิน

ทำให้เกิดภาวะสมองเสื่อม


สูญเสียการได้ยิน สมองเสื่อมลง 30-40%

      ผลการศึกษา ความสามารถทางสติปัญญา ด้านความคิดและความจำในผู้สูงอายุที่มีการสูญเสียการได้ยินเทียบกับคนที่มีการได้ยินปกติ พบว่าคนที่มีการสูญเสียการได้ยินจะมีอัตราการเสื่อมของสมอง 30-40% เนื่องจากคนที่มีการสูญเสียการได้ยินจะต้องใช้ความพยายามในการตั้งใจฟัง ทำให้เกิดการสูญเสียพลังงานสมอง และสมองต้องทำงานหนักเพื่อดึงความจำระยะยาวมาใช้ เพื่อให้เข้าใจในสิ่งที่ฟัง

 

 

ผู้สูงอายุ ใช้สมองแทบทุกส่วนในการฟัง

ทำไมสูญเสียการได้ยินแล้วสมองจึงเสื่อม?


      การสูญเสียการได้ยินทำให้ต้องใช้ความพยายามในการตั้งใจฟัง ทำให้เกิดการสูญเสียพลังงานสมอง สมองต้องทำงานหนัก จนอาจก่อให้เกิดโรคสมองเสื่อมได้

elderly-hearing-loss

      จากการทดสอบ พบว่าการฟังในผู้สูงอายุต้องใช้สมองแทบทุกส่วนช่วยกัน ทดสอบการรับรู้ของสมองในการฟังจดจำคำพูด พบว่าในคนที่อายุน้อย การฟังและจดจำคำพูดจะใช้สมองทำงานเฉพาะส่วน แตกต่างกับผู้สูงอายุที่ใช้สมองทำงานช่วยกันแทบทุกส่วน ต้องใช้ความพยายามและพลังงานในการฟังมากกว่า เพราะโครงสร้างสมองเปลี่ยนแปลง ต้องอาศัยกระบวนการรับรู้ เรียบเรียง ดึงข้อมูลจากสมองแตกต่างกัน

      ทดสอบความเร็วในการพูดและความสามารถในการจำ พบว่า ถ้าหากพูดเร็ว ผู้สูงอายุจะจำได้ไม่ดีเท่าคนที่อายุน้อย เพราะเกิดจากความเสื่อมและความช้าของสมองในการรับรู้และประมวลผล

 

การฟังของผู้สูงอายุลำบากกว่าคนทั่วไป?


      การฟังในผู้สูงอายุโดยเฉพาะในที่ที่มีเสียงรบกวน ต้องอาศัยความสามารถในการเข้าใจคำพูดมากกว่าปกติ ซึ่งจะเป็นข้อจำกัดมากในผู้สูงอายุ ดังนี้

  • Temporal (Timing)
    ในผู้สูงอายุความคิดและความจำ (Memory Timing) มักจะมีปัญหา บางคนระดับการได้ยินเท่าเดิมแต่มีความสามารถในการจำสิ่งต่างๆ ลดลง และถ้ายิ่งในผู้สูงอายุที่มีปัญหาการได้ยินและมีปัญหาเรื่องความจำก็จะยิ่งมีปัญหาในการฟังมากขึ้น อุปสรรคการฟังในผู้สูงอายุนั้นเกิดจากระบบการได้ยินส่วนกลางหรือการประมวลผลของสมอง ไม่ใช่เกิดแค่ที่เซลล์รับเสียงในหูชั้นใน
  • Spectral
    เป็นการรับรู้เกี่ยวกับความถี่ (Pitch Perception) ในผู้สูงอายุที่มีการสูญเสียการได้ยิน มักมีการเสื่อมของเซลล์ขนรับเสียงชั้นใน (Inner Hair Cell ) ร่วมด้วย ซึ่งปกติแล้วทำหน้าที่แปลงสัญญาณเสียงส่งไปที่สมอง เมื่อมีการเสื่อมจึงทำให้การรับรู้ความถี่เสียงเพี้ยน แยกรับเสียงเฉพาะจงเจาะในแต่ละความถี่ไม่ได้ เสียงที่ได้ยินจะกลายเป็นเสียงคล้ายเสียงรบกวน ซ่าๆ สมองจึงแปลความหมายสิ่งที่ฟังลำบาก

 

ลดความเสี่ยงสมองเสื่อมจากปัญหาการได้ยิน


      ผู้สูงอายุที่มีการสูญเสียการได้ยิน ย่อมมีภาวะเสี่ยงต่อสมองเสื่อม การแก้ไขปัญหาการได้ยินจึงเกิดขึ้น ทางเลือกหนึ่งคือ การใช้เครื่องช่วยฟัง

 

การใช้เครื่องช่วยฟัง มีประโยชน์อย่างไร?


  1. ช่วยลดความยากในการฟัง ใช้ความตั้งใจในการฟังลดลง
  2. เมื่อได้ยินเสียงแล้ว สมองทำงานลดลง ดึงข้อมูลเฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องมาใช้
  3. ลดความเครียดที่อาจส่งผลต่อสมอง ลดความเสี่ยงต่อโรคสมองเสื่อม

 

 

ลดความเสี่ยงภาวะสมองเสื่อมในผู้สูงอายุ ด้วยเครื่องช่วยฟัง

 

 

บริการตรวจการได้ยิน และทดลองเครื่องช่วยฟัง
โทร: 053-271533, 089-0537111
คุยเฟสบุ๊ค: m.me/hearingchiangmai
คุยไลน์: line.me/ti/p/%40hearingchiangmai