Tag Archive for: หูตึง

หูตึง ป้องกัน เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง หูฟัง หูหนวก หูดับ เครื่องช่วยฟัง

 

แท้จริงแล้ว ปัญหาการได้ยินหรืออาการหูตึง เราไม่สามารถป้องกันได้ 100% และจะพบว่าในบางรายมีสาเหตุเกิดจากประสาทหูเสื่อมตามวัย เช่น วัยชราหรือวัยสูงอายุ ซึ่งเป็นการเสื่อมที่ไม่สามารถป้องกันได้

 

แต่หากมาจากสาเหตุของการที่ต้องเจอ หรือสัมผัสกับเสียงดังเป็นเวลานานๆ และบ่อยครั้ง เราสามารถป้องกันได้ ดังนี้

 

5 วิธีป้องกันหูตึง ดังต่อไปนี้


 

1.  หลีกเลี่ยงเสียงดัง ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ สถานที่ไหนที่ต้องเผชิญกับเสียงดัง ก็ควรออกห่าง หลีกเลี่ยง หรือหาอุปกรณ์ป้องกัน เพราะไม่คุ้มเลยกับการที่เราจะมีปัญหาการได้ยินในอนาคต

 

แล้วจะสังเกตได้อย่างไร ว่าเสียงดังเกินไป?

  • คุณต้องพูดเสียงดังกว่าเดิม เพื่อให้คู่สนทนาเข้าใจ
  • คุณไม่ค่อยเข้าใจว่าอีกฝ่ายกำลังพูดอะไร
  • คุณรู้สึกปวดหู
  • มีอาการหูอื้อ หรือได้ยินเสียงอู้อี้

 

        ระดับความดังของเสียง จะถูกวัดออกมาเป็นค่าเดซิเบล (dB) ยิ่งเสียงดังมาก ค่าเดซิเบลยิ่งสูง เสียงที่ดังมากกว่า 85 เดซิเบลเป็นค่าที่สูงจนเสียงมีผลต่อการทำลายการได้ยิน จึงไม่ควรอยู่ในพื้นที่นั้นเป็นเวลานานๆ

 

ตัวอย่างระดับความดังของเสียง

  • เสียงกระซิบ – 30 เดซิเบล
  • เสียงพูดคุยทั่วไป – 60 เดซิเบล
  • เสียงการจราจรคับคั่ง – 70 ถึง 85 เดซิเบล
  • เสียงรถจักรยานยนต์ – 90 เดซิเบล
  • เสียงเพลงผ่านหูฟังในระดับสูงที่สุด – 100 ถึง 110 เดซิเบล
  • เสียงเครื่องบินกำลังขึ้น – 120 เดซิเบล

หรือคุณอาจลองใช้แอพในมือถือ ที่สามารถวัดระดับความดังของเสียง เพื่อเลี่ยงอยู่ในพื้นที่ที่ดังเกิน 85 เดซิเบลได้

 

2. ฟังเพลงแต่พอดี การฟังเพลงผ่านหูฟังถือว่าเป็นอันตรายต่อหูเป็นอย่างมาก จึงควรระมัดระวังในการฟัง ดังนี้

  • ฟังในระดับความดังที่พอดี ไม่ดังจนเกินไป ซึ่งปกติแล้วไม่ควรเกิน 60% ของความดังสูงสุด
  • ไม่ควรใช้หูฟังนานเกิน 1 ชั่วโมง หากจะใช้นานๆ ควรพักหูประมาณ 5 นาทีก่อนใช้ใหม่

แค่ลดระดับเสียงลดนิดหน่อย ก็ช่วยรักษาการได้ยินของคุณได้นานขึ้นได้

 

3. ป้องกันเวลาไปงานอีเวนท์ หากมีความจำเป็นต้องไปทำกิจกรรมหรือออกงานอีเวนท์ที่มีเสียงดัง เช่น คอนเสิร์ต สนามกีฬา ที่เที่ยวกลางคืน ควรป้องกันดังนี้

  • อยู่ห่างจากจุดที่มีเสียงดัง เช่น ลำโพงขยายเสียง
  • พยายามพักหู โดยการออกห่างจุดที่มีเสียงดัง ทุก 15 นาที
  • หลังจากกลับจากงานที่มีเสียงดัง ควรพักผ่อนอย่างเงียบๆ ประมาณ 18 ชั่วโมง
  • ใช้อุปกรณ์ป้องกันการได้ยิน เช่น Earplug

 

4. ทำงานอย่างระมัดระวัง หากคุณต้องทำงานในที่ที่มีเสียงดังตลอดเวลา ควรคุยกับหัวหน้างานว่าจะมีผลต่อการได้ยินในอนาคต จึงควรให้ที่ทำงานช่วยป้องกันดังนี้

  • หากเป็นไปได้ ควรปรับเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ต่างๆ ให้มีเสียงดังลดน้อยลง
  • ไม่ควรอยู่ในพื้นที่ที่มีเสียงดังติดต่อกันหลายชั่วโมงต่อวัน
  • ใช้อุปกรณ์ป้องกันการได้ยิน เช่น Earplug

 

5. ตรวจการได้ยินสม่ำเสมอ โดยปกติแล้วควรตรวจการได้ยินทุกปี หรือหากรู้สึกว่ากำลังมีปัญหาการได้ยินก็ยิ่งรีบมาตรวจการได้ยินให้เร็วที่สุด  นักแก้ไขการได้ยินหรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะได้ให้คำแนะนำอย่างถูกต้องให้กับคุณ

 

แค่ 5 ข้อง่ายๆ แค่นี้ ก็ช่วยรักษาการได้ยินให้อยู่กับคุณไปนานๆ ได้

 

 

ศูนย์สุขภาพการได้ยินอินทิเม็กซ์ เชียงใหม่
โทร: 053271533, 0890537111
Facebook: m.me/hearingchiangmai
Line: line.me/ti/p/%40hearingchiangmai

4 วิธีการสื่อสารกับผู้ใส่เครื่องช่วยฟัง

 

       การพูดคุยสื่อสารกับผู้ใส่เครื่องช่วยฟัง คู่สนทนาควรทำความเข้าใจก่อนว่าผู้ใส่เครื่องช่วยฟังคือ ผู้ที่มีปัญหาการได้ยิน การใส่เครื่องช่วยฟังจะช่วยให้ผู้ที่มีปัญหาการได้ยินนั้นกลับมาได้ยินอีกครั้ง ซึ่งการได้ยินจะชัดเจนหรือไม่ ขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ของประสาทหูที่คงเหลืออยู่

       นอกจากการได้ยินแล้วผู้ใส่เครื่องช่วยฟังยังมีเรื่องของการแปลความหมาย การจับคำพูดที่มักเป็นอุปสรรค ผู้ใส่เครื่องช่วยฟังจะเข้าใจในเรื่องที่สนทนาหรือไม่ ขึ้นอยู่กับเปอร์เซ็นต์การแปลความหมายของคำพูดด้วยเช่นกัน

 

การพูดคุยสื่อสารกับผู้ใส่เครื่องช่วยฟัง

คู่สนทนา ควรปฏิบัติด้วยความเข้าใจ 4 วิธี ดังนี้


 

1. พูดใกล้ๆ ช้าลงเล็กน้อย ระดับความดังปกติ

       คู่สนทนาจะต้องสนทนาใกล้ๆ และสนทนาในหูข้างที่เปอร์เซ็นต์การได้ยินคงเหลือมากที่สุด สนทนาช้าๆ ชัดๆ ในระดับความดังปกติ ไม่จำเป็นต้องสนทนาเสียงดัง หรือตะโกน

 

2. พูดต่อหน้า เพื่อให้ผู้ที่มีปัญหาการได้ยินมองเห็นหน้า และเห็นรูปปากชัดเจน 

       คู่สนทนาจำเป็นต้องสนทนาให้เห็นหน้า เนื่องจากผู้ใส่เครื่องช่วยฟังบางรายมีเปอร์เซ็นต์การแปลความหมายของคำพูดเหลือน้อย อาจจะต้องใช้การมองรูปปากร่วมกับการฟังด้วย

 

3. การใช้ท่าทางประกอบการสนทนา

       กรณีที่มีการสูญเสียการได้ยินค่อนข้างมากไม่สามารถรับรู้ได้จากการฟังเพียงอย่างเดียว คู่สนทนาอาจจะต้องมีท่าทางประกอบ เช่น ทานข้าว ดื่มน้ำ ฯลฯ

 

4. การฝึกการฟัง

       ผู้ใส่เครื่องช่วยฟังควรฝึกการฟังในสถานการณ์ต่างๆ โดยเริ่มจากการพูดคุย แบบ 1 ต่อ 1 ในห้องเงียบ หลังจากนั้นค่อยๆ เพิ่มความยากขึ้นโดยพูดคุยในที่ที่มีเสียงรบกวน และพูดคุย 2 – 3 คน ตามลำดับ

 

หูตึง หรือประสาทหูเสื่อม อาการมักจะค่อยๆ เริ่มเสื่อมตามอายุที่มากขึ้นเรื่อยๆ และจะเป็นลักษณะเสื่อมแบบถาวร การคงสภาพประสาทหูที่เหลืออยู่ให้ใช้งานได้หรือเสื่อมช้าลง ด้วยการเลือกใส่เครื่องช่วยฟัง

 

 

สอบถามข้อมูลการเลือกเครื่องช่วยฟังเพิ่มเติม ได้ที่

ศูนย์สุขภาพการได้ยินอินทิเม็กซ์ เชียงใหม่
โทร: 053-271533, 089-0537111
Facebook: m.me/hearingchiangmai
Line: line.me/ti/p/%40hearingchiangmai

หูตึง กับผู้สูงอายุ

 

 หูตึงกับผู้สูงอายุ มักเป็นของคู่กัน เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น ร่างกายได้ผ่านการใช้งานมาอย่างหนักแล้วย่อมเสื่อมลงตามกาลเวลา

 

      ปัญหาหูตึงในผู้สูงอายุส่วนใหญ่เกิดจากความสามารถในการรับเสียงลดลง มักมีอาการหูอื้อ หรือหูตึง โดยมีอาการเริ่มแรกคือ ไม่ค่อยได้ยินเสียงแหลมๆ หรือเสียงที่มีความถี่สูง เช่น เสียงผู้หญิง เสียงดนตรีคีย์สูงๆ หรือเมื่ออยู่ในสถานที่ซึ่งมีเสียงรบกวนก็อาจฟังไม่เข้าใจ ทำให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตในการสื่อสารกับผู้อื่นน้อยลงโดยไม่รู้ตัว และเลือกที่จะหลีกเลี่ยงการพบปะ พูดคุยกับผู้อื่น เนื่องจากเมื่อสนทนาแล้วต้องให้ผู้อื่นพูดซ้ำๆ เสียงดังๆ ผู้สูงอายุบางคนอาจจะต้องมองหน้า มองปาก เพราะฟังด้วยหูอย่างเดียวไม่รู้เรื่องแล้ว

 

 

“สิ่งนี้เป็นสัญญาณเตือนว่า…ถึงเวลาที่ควรพาท่านเข้ารับการรักษาหรือควรได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับปัญหาทางด้านการได้ยินแล้ว เพราะหากปล่อยไว้นาน ท่านอาจจะไม่ได้ยินอีกเลย ซึ่งในระยะยาวอาจส่งผลต่อการเกิดปัญหาซึมเศร้าได้”

 

การป้องกันและดูแลการได้ยิน ในผู้สูงอายุ

  • ควรตรวจสุขภาพการได้ยินเป็นประจำทุกปี เมื่ออายุ 60 ปี ขึ้นไป
  • ควบคุมดูแลโรคประจำตัว เพื่อป้องกันปัญหาแทรกซ้อนที่อาจทำให้หูตึงได้
  • ในกรณีที่มีปัญหาการได้ยินขั้นรุนแรง และรบกวนคุณภาพชีวิตประจำวัน ไม่สามารถสื่อสารกับผู้อื่นได้ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพการได้ยินด้วยการใช้เครื่องช่วยฟัง (Hearing aids) ซึ่งเป็นวิธีที่จะทำให้คุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุดีขึ้นได้

 

 

“การใส่เครื่องช่วยฟัง จะช่วยกระตุ้นการได้ยินให้ส่งคลื่นเสียงไปยังสมอง เพื่อคงการทำงานของสมองไว้”

 

ลูกหลานควรดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิด คอยให้กำลังใจ มีปฏิสัมพันธ์กับท่านอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งจะคงการได้ยิน และสร้างความสุขให้กับท่าน

 

 


 

เราพร้อมให้คำปรึกษาปัญหาการได้ยิน หูตึง หูหนวก ไม่ได้ยิน

ศูนย์สุขภาพการได้ยินอินทิเม็กซ์ เชียงใหม่
โทร: 053-271533, 089-0537111
คุยเฟสบุ๊ค: m.me/hearingchiangmai
คุยไลน์: line.me/ti/p/%40hearingchiangmai

หูตึง การได้ยิน ป้องกัน เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง

      ถ้าให้เลือกได้ คุณก็คงอยากมีสุขภาพการได้ยินที่ดี ไม่อยากสูญเสียการได้ยินหรือมีปัญหาหูตึงใช่ไหมครับ? การรู้วิธีดูแลตัวเองจึงเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งในยุคนี้เราก็มีข้อมูลมากมายให้เรียนรู้ แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าข้อมูลไหนถูกหรือผิด งั้นมาเช็คดูกันว่า ความเชื่อที่คุณมีเกี่ยวกับ “หูตึง” มีอันไหนถูก อันไหนผิดบ้าง

 

5 ความเชื่อถูกผิด เกี่ยวกับ “หูตึง”


1. สูงวัย สาเหตุหลักของหูตึง : ผิด

      คนส่วนมากมักจะคิดว่าสาเหตุหลักของการสูญเสียการได้ยินมาจากความแก่ชรา ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิด แท้จริงแล้วสาเหตุหลักของการสูญเสียการได้ยินคือ “เสียงดัง” ที่เราเจอในชีวิตประจำวันต่างหาก

  • เด็กอเมริกันในวัยเรียนจำนวน 15% สูญเสียการได้ยิน เนื่องจากการใช้ชีวิตประจำวันที่อยู่กับเสียงดังบ่อยๆ
  • โรงงานส่วนมากยังไม่ใส่ใจในการให้พนักงานใส่อุปกรณ์ป้องกันหู เช่น Earplug ก่อนไปทำงานที่ต้องเจอะเจอกับเสียงดัง เช่น เสียงเครื่องจักรต่างๆ

      เสียงดังหลายชนิด เราอาจคาดไม่ถึงว่าหากเราต้องได้ยินทุกวัน วันละหลายชั่วโมง ก็ส่งผลให้เราหูตึงได้ เช่น เสียงเพลงที่ฟังจากหูฟัง เสียงดนตรีในสถานที่เที่ยวกลางคืน เสียงเครื่องดูดฝุ่น เสียงไดร์เป่าผม และอื่นๆ ที่ไม่ควรได้ยินต่อเนื่องกันนานเกินไป

 

2. หูตึง สามารถรักษาให้หายขาดได้ : ผิด

      ที่จริงแล้ว อวัยวะต่างๆ ภายในหูนั้น เป็นสิ่งที่บอบบางมาก ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจกันก่อนดีกว่าว่า เราได้ยินเสียงได้อย่างไร?

ได้ยิน หูตึง หูหนวก หูดับ เซลล์ขน เชียงใหม่

2.1 คลื่นเสียงถูกนำเข้าสู่รูหูของคุณโดยผ่านใบหู

2.2 คลื่นเสียงจะไปกระทบกับเยื่อแก้วหูก่อให้เกิดการสั่นสะเทือน

2.3 กระดูหูเล็กๆ สามชิ้นจะสั่นสะเทือนไปพร้อมกับแก้วหู ส่งสัญญาณเสียงจากหูชั้นกลางไปสู่หูชั้นในรูปหอยโข่ง

2.4 ของเหลวในหูชั้นในสั่น ทำให้เซลล์ขนสั่นตามไปด้วย และเกิดการเปลี่ยนแปลงจากพลังงานการสั่นสะเทือนเป็นสัญญาณไฟฟ้า ซึ่งจะถูกส่งไปที่เส้นประสาทการได้ยินที่สมอง ศูนย์กลางการได้ยินของสมองจะทำหน้าที่แปลความหมายของกระแสไฟฟ้านั้นให้กลายเป็นเสียงต่อไป

      จากขั้นตอนสุดท้าย จะเห็นว่า เซลล์ขน มีบทบาทสำคัญที่ทำให้เราทุกคนได้ยินเสียง แต่เซลล์ขนก็สามารถถูกทำลายได้จากการที่เราฟังเสียงดังนานๆ และบ่อยเกินไป และที่น่าตกใจก็คือ

 

เมื่อเซลล์ขนภายในหูของเรา ถูกทำลายไปแล้ว จะไม่สามารถสร้างใหม่ขึ้นมาได้ จึงทำให้เกิดปัญหาการได้ยิน หูตึงหรือหูหนวก

 

      ดังนั้น หูตึงหรือหูหนวก จึงไม่สามารถรักษาให้กลับมาได้ยินสมบูรณ์แบบ 100% ได้ ทางที่ดีจึงควรรู้ป้องกันให้เรามีสุขภาพการได้ยินที่ดีกันดีกว่า

 

3. หูตึง จะซื้อเครื่องช่วยฟังที่ไหนก็ได้ : ผิด

      หลายท่านอาจเข้าใจว่า เครื่องช่วยฟังเป็นเพียงแค่เครื่องขยายเสียงเพียงเท่านั้น จึงไปหาซื้อจากอินเตอร์เน็ต ร้านขายยา หรือร้านทั่วไป โดยไม่ได้รับการตรวจการได้ยินก่อน แต่ที่จริงแล้วเครื่องช่วยฟังจัดว่าเป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ไม่ใช่แค่ช่วยขยายเสียงให้เราได้ยินชัดขึ้น แต่ยังสามารถช่วยเติมการได้ยินในคลื่นความถี่ที่เราสูญเสียไป โดยไม่กระทบกับคลื่นความถี่ที่เราได้ยินดีอยู่ ลองอ่านบทความเพิ่มเติมได้ โดยการคลิกที่นี่ ครับ

 

4. หูตึง เป็นเวรกรรม ป้องกันไม่ได้ : ผิด

      อย่างที่ผมเขียนไปในข้อที่ 1 ว่าเราทุกคนสามารถป้องกันไม่ให้อยู่ในสถานที่เสียงดัง หรือใช้อุปกรณ์ที่เสียงดัง บ่อยจนเกินไป เพราะใช่ว่าทุกคนจะแก่ชราแล้วมีปัญหาการได้ยินนะครับ คุณเองก็สามารถเลือกได้ ให้ตนเองเป็นคนที่เติบโตขึ้นพร้อมสุขภาพที่ดี

 

5. การตรวจการได้ยินทุกปี ป้องกันหูตึงได้ : ถูก

      การใส่ใจในการตรวจสุขภาพประจำปี เป็นเรื่องที่ดีมากครับ แต่หลายคนมักไม่ค่อยใส่ใจการตรวจการได้ยิน เพราะคิดว่าไม่จำเป็น แต่แท้ที่จริงแล้ว หากคุณมาตรวจการได้ยินและรู้วิธีการป้องกันการสูญเสียการได้ยินตั้งแต่เนิ่นๆ คุณก็จะมีสุขภาพการได้ยินที่ดีไปได้ยาวนานยิ่งขึ้น

 

 

เป็นอย่างไรบ้างครับ มีความเชื่อไหนที่คุณเข้าใจผิดมาตลอดบ้าง?  เราอยากให้ทุกคนมีข้อมูลที่ถูกต้อง เพื่อจะได้มีการได้ยินที่ดีนะครับ แต่หากมีปัญหาเกี่ยวกับการได้ยินตรงไหนเพิ่มเติม ติดต่อเราได้ตลอดเวลาครับ

 

ศูนย์สุขภาพการได้ยินอินทิเม็กซ์ เชียงใหม่
โทร: 053271533, 0890537111
คุยเฟสบุ๊ค: m.me/hearingchiangmai
คุยไลน์: line.me/ti/p/%40hearingchiangmai

.

ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก The New York Times

สมุนไพร พืช ผัก รักษา หูตึง หูหนวก เครื่องช่วยฟัง

 

     ในปัจจุบันยังไม่มีวิธีใดที่สามารถรักษาอาการหูตึง หูหนวก หรือการสูญเสียการได้ยิน ให้กลับมาได้ยินเหมือนเดิมได้อย่างสมบูรณ์แบบ การใส่เครื่องช่วยฟัง หรือการผ่าตัดประสาทหูเทียม ดูจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด แต่สำหรับบางคนที่สนใจการดูแลสุขภาพการได้ยิน โดยการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์

 

แนะนำ 5 สมุนไพร ช่วยบำรุงอาการหูตึง


แปะก๊วย หูตึง สุขภาพ เครื่องช่วยฟัง เชียงใหม่ ลำปาง

ใบแปะก๊วย (Gingko Bibola)

      ใบแปะก๊วย เป็นที่นิยมในการดูแลสุขภาพมานาน จากผลงานวิจัยของ WebMD (คลิกอ่านเพิ่มเติม) คุณสมบัติเด่นอย่างหนึ่งคือช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตให้ไหลเวียนไปเลี้ยงทั่วร่างกาย รวมถึงภายในหูด้วย ซึ่งส่งผลให้หูเราทำงานได้อย่างเหมาะสม และมากกว่านั้นคือใบแปะก๊วยยังช่วยดูแลสมองของผู้สูงอายุให้ห่างไกลจากอัลไซเมอร์อีกด้วย

 

 

ถั่ว หูตึง สุขภาพ เครื่องช่วยฟัง เชียงใหม่ เชียงราย

ถั่ว (Beans)

      กรดโฟลิก เป็นสารอาหารที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าช่วยในเรื่องสุขภาพการได้ยิน และจากการศึกษาในปี 2553 (คลิกอ่านเพิ่มเติม) ที่ได้ทำการศึกษากับผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป จำนวน 126 คน ได้ข้อสรุปมาว่าการสูญเสียการได้ยินในผู้สูงอายุมีส่วนเกี่ยวข้องกันกับระดับกรดโฟลิกที่ต่ำเกินไป หากอยากได้รับกรดโฟลิกในปริมาณที่เพียงพอ เราจึงแนะนำให้ทานอาหารจำพวกถั่ว ไม่ว่าจะเป็นถั่วดำ ถั่วเขียว หรือบางคนอาจเลือกทานหน่อไม้ฝรั่ง อโวคาโด หรือบร็อคโคลี่ ก็ให้กรดโฟลิกสูงเช่นเดียวกัน

 

 

กระเทียม หูตึง สมุนไพร เครื่องช่วยฟัง เชียงใหม่ ลำปาง

กระเทียม (Garlic)

      กระเทียม เป็นที่รู้กันว่ากระเทียมมีคุณสมบัติในการเป็นยาปฏิชีวนะธรรมชาติ ที่มีฤทธิ์ในการยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งการอักเสบของหูโดยส่วนมากก็มีสาเหตุมาจากแบคทีเรีย การใช้กระเทียมเป็นส่วนผสมของอาหารในชีวิตประจำวัน จึงมีส่วนช่วยในการยับยั้งการอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียได้

 

 

ผักขม หูตึง หูหนวก เครื่องช่วยฟัง เชียงใหม่ ลำพูน

ผักขม (Spinach)

      ผักขม มีแร่ธาติสำคัญอย่างสังกะสี ที่ถือว่าเป็นแร่ธาตุต่อการมีสุขภาพการได้ยินที่ดี (คลิกอ่านเพิ่มเติม)  จากการที่สังกะสีช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันโรค จึงมีส่วนช่วยป้องกันการอักเสบในหู นอกจากนั้นสังกะสียังช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของเซลล์ในหู และรวมถึงเซลล์ต่างๆ ทั่วทั้งร่างกายอีกด้วย ซึ่งพืชที่มีแร่ธาตุสังกะสีสูง ก็มีทั้งผักขม และผักชีลาว ที่หาซื้อได้ตามท้องตลาดทั่วไป

 

 

ขมิ้น หูตึง สุขภาพ เครื่องช่วยฟัง เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน

ขมิ้น (Turmeric)

      ขมิ้น ภูมิปัญญาโบราณมักใช้ขมิ้นในการลดการติดเชื้อต่างๆ เช่นลดการติอเชื้อไข้หวัด อีกทั้งขมิ้นยังมีโปแตสเซี่ยมสูง ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่สำคัญต่อหู แต่เมื่ออายุมากขึ้นก็เราก็มักจะมีระดับโปแตสเซี่ยมลดลง จึงอาจส่งผลต่อการมีปัญหาหูตึง หรือสูญเสียการได้ยินได้ เราจึงควรทานอาการที่มีโปแตสเซี่ยมสูงเช่นขมิ้น หรือเมล็ดทานตะวัน

 

 

นอกจากการรับประทานสมุนไพรที่มีส่วนช่วยในการดูแลสุขภาพการได้ยินแล้ว อย่าลืมพักผ่อนให้เพียงพอ และหมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

 

 

ศูนย์สุขภาพการได้ยินอินทิเม็กซ์ เชียงใหม่
โทร: 053271533, 0890537111
คุยเฟสบุ๊ค: m.me/hearingchiangmai
คุยไลน์: line.me/ti/p/%40hearingchiangmai

ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก Audicus

9 ข้อควรรู้ก่อน ซื้อเครื่องช่วยฟัง

 

      สำหรับผู้ที่มีปัญหาการได้ยิน และกำลังจะซื้อเครื่องช่วยฟัง ลองเช็คดูว่า 9 ข้อนี้ มีข้อไหนที่คุณยังไม่ทราบบ้าง จะได้มั่นใจเลือกซื้อได้ดียิ่งขึ้นนะครับ

 

1. ไม่สามารถกลับไปได้ยินดีเหมือนเดิม ถึงแม่เทคโนโลยีจะถูกพัฒนามาได้มากขนาดไหน แต่เครื่องช่วยฟังที่มีอยู่ในปัจจุบันนี้ ก็ยังไม่สามารถรักษาให้คุณกลับไปได้ยินดีได้เหมือนเดิม 100 % ได้

2. ต่างประเภท ต่างประสิทธิภาพ เครื่องช่วยฟังจะมีหลายประเภท นักแก้ไขการได้ยินจะแนะนำประเภทที่เหมาะสมกับคุณ ขึ้นอยู่กับระดับการได้ยิน และการใช้ชีวิตประวันของคุณ

3. ยังมีเสียงรบกวนอยู่ เราอยากให้คุณทราบตามความเป็นจริงว่า เครื่องช่วยฟังที่คุณภาพดีที่สุด ก็ไม่สามารถกรองเสียงรบกวนออกไปได้ทั้งหมด เพียงแต่จะช่วยลดเสียงรบกวนลงไป และเพิ่มเสียงพูดให้ชัดเจนขึ้นเท่านั้น สำหรับการแก้ปัญหาเสียงรบกวนที่ดีที่สุด คุณควรจะเลือกเครื่องช่วยฟังที่มีไมโครโฟนรับฟังเสียงเฉพาะทิศทาง (Directional Microphone) ที่มาพร้อมกับระบบประมวลผลแบบดิจิตอล (Digital Signal Processing) ซึ่งจะทำให้คุณได้ยินเสียงพูดที่ชัดเจนและลดเสียงรบกวนรอบข้างได้ดีที่สุด

4. สวมใส่สบาย เพราะเครื่องช่วยฟังจะอยู่กับคุณทุกๆ วัน คุณจึงควรมีพิมพ์หูที่สวมใส่ได้พอดีกับช่องหูของคุณ ซึ่งจะทำให้คุณใส่เครื่องช่วยฟังได้สบายจนแทบไม่รู้สึกถึงการสวมใส่เลย หากว่าการใส่เครื่องช่วยฟังทำให้คุณรู้สึกปวด คัน หรือมีเลือดไหลออกจากช่องหู ให้รีบไปขอคำแนะนำจากศูนย์เครื่องช่วยฟังที่คุณซื้อมา

5. ไม่ควรมีเสียงหวีด เป็นเรื่องปกติที่เวลาคุณกำลังสวมใส่เครื่องช่วยฟัง จะมีเสียงหวีดออกมาบ้าง ซึ่งจะหายไปหลังจากใส่ให้พอดีกับช่องหูแล้ว แต่หากยังมีเสียงหวีดภายหลังการใส่เครื่องช่วยฟัง ก็จะมาจากพิมพ์หูที่ไม่พอดีกับช่องหู คุณจึงควรกลับไปยังศูนย์เครื่องช่วยฟังที่คุณซื้อมา เพื่อให้เขาปรับพิมพ์หูให้เหมาะสม

6. ใช้ได้เฉพาะคน อย่าใช้เครื่องช่วยฟังของคนอื่น เพราะเครื่องช่วยฟังที่ดี ไม่ใช่แค่เป็นเครื่องขยายทุกเสียงให้ดังขึ้น แต่เครื่องช่วยฟังที่ดี  จะช่วยขยายเสียงในคลื่นความถี่ที่แต่ละคนสูญเสียไป และเนื่องจากแต่ละคนมีการสูญเสียการได้ยินในระดับที่แตกต่างกัน จึงจะต้องมีการปรับเครื่องช่วยฟังที่ต่างกันด้วย

7. แพทย์ก็เชี่ยวชาญไม่เหมือนกัน ไม่ใช่ว่าแพทย์ทุกท่านที่จะมีความเชี่ยวชาญในเรื่องการสูญเสียการได้ยิน คุณจึงควรเลือกที่จะขอคำปรึกษากับแพทย์ที่เชี่ยวชาญเฉพาะด้านนี้เท่านั้น

8. ทดลองใช้ก่อน การไปพูดคุยกับนักแก้ไขการได้ยินหรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพียงอย่างเดียว อาจไม่สามารถยืนยันได้มากพอว่าจะทำให้คุณได้เครื่องช่วยฟังที่เหมาะสมกับคุณจริงๆ เราจึงแนะนำให้คุณลองเอาเครื่องช่วยฟังกลับไปลองใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งศูนย์เรายินดีให้คุณทดลองใช้ 3-7 วันแล้วค่อยตัดสินใจก่อนซื้อจริง

9. ใช้เวลาปรับตัว ใช่ว่าผู้ใช้เครื่องช่วยฟังทุกคนจะปรับตัวได้ทันทีทันใด โดยส่วนมากแล้วจะต้องใช้เวลาประมาณ 2 อาทิตย์ขึ้นไปถึงจะค่อยๆ ชินกับเสียงที่ได้ยินชัดเจนขึ้น เราจึงไม่อยากให้คุณด่วนใจร้อนเกินไปกับการใส่เครื่องช่วยฟังในช่วงแรก

 

เพราะการมีการได้ยินที่ดี คือส่วนหนึ่งที่จะเติมเต็มให้ชีวิตคุณมีความสุขมากยิ่งขึ้น เราจึงอยากให้คุณมีข้อมูลที่มากพอก่อนตัดสินใจในการซื้อเครื่องช่วยฟังแต่ละครั้ง

 

หรือหากคุณอยากทราบข้อมูลเพิ่ม หรือทดลองใช้เครื่องช่วยฟัง เรายินดีให้บริการครับ

ศูนย์สุขภาพการได้ยินอินทิเม็กซ์ เชียงใหม่
โทร: 053271533, 0890537111
คุยเฟสบุ๊ค: m.me/hearingchiangmai
คุยไลน์: line.me/ti/p/%40hearingchiangmai

(ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก BetterHearing.org)

ฟันผุ หูตึง หูหนวก หูฟัง เครื่องช่วยฟัง เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง

 

การมีสุขภาพในช่องปากที่ดี ไม่ใช่แค่จะช่วยส่งเสริมบุคลิกภาพคุณให้ดูดี แต่ยังช่วยให้คุณมีการได้ยินที่ดีด้วย

 

      อาจดูไม่ค่อยเกี่ยวข้องกันใช่ไหม? แต่งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ได้ชี้ให้เห็นแล้วว่า ปัญหาในช่องปากจะก่อให้เกิดแบคทีเรียร้ายที่สามารถไหลไปตามกระแสเลือด และก่อให้เกิดการอักเสบที่หลอดเลือด หรือมีส่วนทำให้หลอดเลือดตีบได้ ทั้งหมดนี้จึงส่งผลต่ออวัยวะหูและสมองของคุณ!

 

ความเกี่ยวข้องกันระหว่าง

สุขภาพในช่องปาก และสุขภาพการได้ยิน


      ภายในช่องหูจะมีเซลล์ขน (Hair Cell) ที่ทำหน้าสำคัญในการเชื่อมต่อกับเส้นประสาทการได้ยิน จึงถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เราทุกคนได้ยินชัดเจน แต่เซลล์ขนก็สามารถถูกทำลายได้จากหลายสาเหตุ

  • อยู่ในพื้นที่ที่เสียงดังเกินไป
  • รับประทานยาที่ส่งผลต่อปัญหาการได้ยิน
  • เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงหูชั้นในได้ไม่เพียงพอ

 

      ไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุอะไร เมื่อเซลล์ขนถูกทำลายไปแล้ว ก็ไม่สามารถสร้างใหม่ขึ้นมาได้ จึงส่งผลให้เกิดปัญหาการได้ยิน หูตึงหรือหูหนวก ซึ่งโดยปกติเซลล์ขนก็จะเสื่อมลงตามอายุของเราที่มากขึ้น แต่การมีปัญหาในช่องปาก ฟันผุ ก็ส่งผลให้มีเลือดไหลเวียนไปเลี้ยงหูชั้นในได้ไม่เพียงพอ จึงมีส่วนในการทำลายเซลล์ขนได้

 

แบคทีเรียร้ายจากการไม่ดูแลสุขภาพในช่องปาก มีส่วนทำให้เกิดการอักเสบของหลอดเลือดหรือหลอดเลือดตีบ จึงเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ และเสี่ยงต่อการมีปัญหาการได้ยิน

 

เราจึงควรดูแลสุขภาพในช่องปาก ดังนี้


  1. ไปพบกับทันตแพทย์ทุก 6 เดือนเพื่อตรวจสุขภาพในช่องปาก
  2. แปรงฟันทั้งก่อนนอนและหลังตื่นนอน โดยใช้เวลาแปรงฟันแต่ละครั้งไม่ต่ำว่า 2 นาที
  3. เลือกแปรงสีฟันที่มีขนาดพอเหมาะ ที่สามารถทำความสะอาดได้ทั่วถึง
  4. ใช้ไหมขัดฟันอย่างถูกวิธี เพื่อทำความสะอาดระหว่างซอกฟันได้สะอาดขึ้น
  5. อย่าใช้แปรงสีฟันร่วมกับคนอื่น แม้กับคนในครอบครัว
  6. ล้างแปรงสีฟันหลังใช้ทุกครั้ง และวางไว้ในที่แห้ง
  7. เปลี่ยนแปรงสีฟันใหม่ทุก 3 เดือน

 

      การที่สุขภาพในช่องปากมีความเกี่ยวข้องกับสุขภาพการได้ยินของหู ไม่ใช่เรื่องที่แปลก เพราะที่จริงแล้วอวัยวะหลายอย่างในร่างกายก็ทำงานเชื่อมโยงกันทั้งหมด การดูแลสุขภาพองค์รวมจึงเป็นสิ่งสำคัญถ้าคุณอยากมีคุณภาพชีวิตที่ดี

 

และหากคุณมีปัญหาการได้ยิน หูตึง หูหนวก หูดับ เราพร้อมให้คำปรึกษาโดยนักแก้ไขการได้ยินมืออาชีพ

(ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก Healthy Hearing)

 

 

ศูนย์สุขภาพการได้ยินอินทิเม็กซ์ เชียงใหม่
โทร: 053271533, 0890537111
เฟซบุ๊ค: m.me/hearingchiangmai
ไลน์: line.me/ti/p/%40hearingchiangmai

หูตึง เชียงใหม่ เครื่องช่วยฟัง หูดับ หูหนวก

 

สงสัยว่าคนใกล้ตัวกำลังหูตึง มีปัญหาการได้ยิน แต่ไม่รู้จะช่วยเขาอย่างไรดี? บางทีเขาอาจกำลังไม่รู้ตัวว่ากำลังมีปัญหาการได้ยิน แต่พวกเราที่อยู่รอบข้างจะรู้สึกได้เมื่อคุยกับเขา

 

7 เทคนิค ช่วยให้คุณช่วยเหลือผู้ที่กำลังมีปัญหาการได้ยิน


 

1. ให้กำลังใจเขา และพาไปตรวจการได้ยิน

ผู้ที่มีปัญหาการได้ยินโดยส่วนมากมักจะไม่รู้ตัว เพราะค่อยๆ สูญเสียการได้ยินแบบค่อยเป็นค่อยไป จึงปรับตัวได้เองโดยอัตโนมัติ หากเราสังเกตได้เวลาพูดคุยก็ควรให้กำลังใจและบอกว่าเราห่วงใยเขามากขนาดไหน เราอยากให้เขาได้ยินทุกเรื่องราวแบบชัดเจน จะได้คุยกันสนุกมากขึ้น และเราก็ไม่อยากเป็นห่วงเวลาเขาข้ามถนนหรือขับรถที่อาจไม่ได้ยินเสียงรอบข้าง จึงอยากพาไปตรวจการได้ยินด้วยกัน

 

2. สื่อสารแบบเข้าอกเข้าใจ

บอกคนที่กำลังมีปัญหาการได้ยินว่าคุณพร้อมจะปรับตัวเพื่อพูดคุยกับเขาให้เขาเข้าใจมากขึ้น เช่น ให้เขาเห็นหน้าเห็นปากเวลาพูด ใช้เสียงดังฟังชัด ไม่ช้าไม่เร็วเกินไป และลองทำดูว่าเขาได้ยินและเข้าใจบทสนทนามากขึ้นไหม

 

3. ถามว่าอยากให้ช่วยอะไรบ้าง

ปัญหาการได้ยินของแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน จึงต้องการความช่วยเหลือที่แตกต่างกัน เช่นเวลาไปรับประทานอาหารด้วยกัน คุณควรให้เขาเลือกที่นั่งที่จะทำให้เขาได้ยินและพูดคุยได้ดีที่สุด เพราะโดยปกติทั่วไปที่นั่งตรงมุมห้องและติดกับผนังจะช่วยลดปัญหาเสียงรบกวนได้ดีที่สุด

 

4. เรียกความมั่นใจกลับคืนมา

คนส่วนมากมักคิดไปเองว่า “ปัญหาการได้ยิน หรือหูตึง = คนแก่” จึงทำให้ผู้ที่กำลังมีปัญหาการได้ยินมักไม่มั่นใจและไม่กล้าแสดงออก เราจึงควรคุยกับเขาว่าเรามองเป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่เรื่องน่าอายอะไร การพูดคุยแบบเปิดอก ด้วยอารมณ์แบบเบาสบาย จะทำให้เขามั่นใจและกล้าจะปรึกษาคุณมากขึ้น

 

5. ใช้อารมณ์ขันเข้าช่วย

ในบางครั้ง ผู้ที่มีปัญหาการได้ยินอาจไม่เข้าใจสิ่งที่เราพูด เขาจึงตอบไม่ตรงคำถาม หรือพูดไม่ตรงประเด็นบ้าง เราก็ไม่ควรทำให้เป็นเรื่องซีเรียส และลองทำให้เป็นเรื่องสนุกสนานดูบ้าง ไม่อย่างนั้นเขาจะอึดอัดใจ

 

6. พูดซ้ำบ้างก็ได้นะ

มีหลายคำศัพท์ที่อาจยากต่อการเข้าใจ ผู้ที่มีปัญหาการได้ยินจึงมักขอให้คุณพูดซ้ำ หากเป็นเช่นนั้น แนะนำว่าให้คุณพูดซ้ำด้วยเสียงที่ชัดเจนและความเร็วปานกลาง หรืออาจเลือกใช้คำศัพท์อื่นที่เข้าใจง่ายกว่า และที่สำคัญคืออย่าพูดว่า “ไม่เป็นไร” เพื่อเปลี่ยนหัวข้อสนทนา เพราะจะทำให้เขายิ่งรู้สึกไม่ดีไปกันใหญ่

 

7. ทดลองสิ่งใหม่ๆ

เครื่องช่วยฟังรุ่นใหม่ที่ออกสู่ท้องตลาด มักจะช่วยให้ผู้ที่มีปัญหาการได้ยินได้รับประสบการณ์ที่ดีขึ้น คุณลองพาเขาไปลองเครื่องช่วยฟังหลากหลายรุ่น เพื่อเลือกรุ่นที่เหมาะสมกับชีวิตประจำวันของเขามากที่สุด บางคนอาจชอบดูโทรทัศน์ หรือชอบพูดคุยโทรศัพท์มือถือ ก็สามารถเลือกอุปกรณ์เสริมที่เหมาะสมได้

 

 

ไม่มีอะไรยากเกินไป หากเรารักและเข้าใจผู้ที่มีปัญหาการได้ยิน

 

 

ศูนย์สุขภาพการได้ยินอินทิเม็กซ์ เชียงใหม่
โทร: 053-271533, 089-0537111
คุยเฟสบุ๊ค: m.me/hearingchiangmai
คุยไลน์: line.me/ti/p/%40hearingchiangmai

เครื่องช่วยฟัง หูฟัง หูตึง เชียงใหม่ หูหนวก

 

“ฉันต้องใส่เครื่องช่วยฟังจริงเหรอ?”

ใส่เครื่องช่วยฟังดีไหม? ใส่หรือไม่ใส่ดีกว่ากัน?

 

เชื่อไหมว่ามีคนไทยอยู่จำนวนไม่น้อยที่มีปัญหาการได้ยิน แต่ก็ยังมีความลังเลที่จะใส่เครื่องช่วยฟัง เนื่องจากหลายเหตุผล ดังนี้

 

1. คิดว่าตัวเองยังได้ยินดีอยู่ คนส่วนมากกว่าจะยอมใส่เครื่องช่วยฟังก็ต่อเมื่อมีการสูญเสียการได้ยินมาในระดับหนึ่งแล้ว ส่วนหนึ่งมาจากการละเลยและไม่เห็นถึงความสำคัญของการตรวจการได้ยินประจำปี จึงทำให้ค่อยๆ สูญเสียการได้ยินลงทีละนิด จนเริ่มปรับตัวได้ และมารู้ตัวอีกทีต่อเมื่อสื่อสารกับคนรอบข้างลำบากแล้ว เราจึงแนะนำให้เข้ารับการตรวจการได้ยินเป็นประจำทุกปี เพื่อจะได้ทราบและวางแผนการรักษาล่วงหน้าได้อย่างถูกวิธี

 

2. อายที่จะใส่เครื่องช่วยฟัง ในยุคที่ภาพลักษณ์เป็นสิ่งสำคัญ หลายคนจึงอายที่จะใส่เครื่องช่วยฟังเพราะกลัวคนรอบข้างมองว่าตนเองแก่หรือไม่มีความสามารถ อันที่จริงปัจจุบันนี้มีเครื่องช่วยฟังหลากหลายประเภทให้เลือก ซึ่งมีขนาดที่แตกต่างกัน บางท่านที่เลือกใส่เครื่องช่วยฟังประเภทในช่องหูก็จะรู้สึกสบายใจที่จะใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ หรือหากมีการสูญเสียการในระดับที่รุนแรงขึ้น ประเภททัดหลังหูก็จะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับผลการตรวจการได้ยินของแต่ละบุคคล

เครื่องช่วยฟัง เชียงใหม่ หูตึง

 

3. รอให้สูญเสียการได้ยินทั้ง 2 ข้างก่อน เมื่อมีการสูญเสียการได้ยินเพียงข้างเดียว แพทย์บางท่านจะให้คำแนะนำว่ายังไม่จำเป็นต้องใส่เครื่องช่วยฟัง เพราะอีกข้างยังได้ยินชัดเจนอยู่ ซึ่งอาจทำให้ไม่ทราบทิศทางของเสียงและเกิดอันตรายได้ เช่นการได้ยินเสียงรถแต่ไม่ทราบว่ามาจากซ้ายหรือขวา ทางที่ดีเราแนะนำให้ไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ด้านหู คอ จมูก เพื่อได้รับคำแนะนำที่เหมาะสมกับท่าน

 

4. แค่ไม่ได้ยิน ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย ปัญหาการได้ยินถือว่าเป็นเป็นภัยเงียบ หลายคนลังเลไม่ยอมใส่เครื่องช่วยฟังก็เพราะคิดว่าการได้ยินไม่สำคัญเท่ากับการมองเห็น แต่ในความเป็นจริงแล้วผู้ที่มีปัญหาการได้ยินมักจะมีปัญหาตามมาหลายอย่าง เช่น ความเครียด แปลกแยก ไม่กล้าเข้าสังคม (อ่านความสำคัญของการได้ยินเพิ่มเติมได้ คลิกที่นี่) การได้ยินพลาดอาจทำให้คุณเสียหายได้มากกว่าที่คิด ลองคิดดูว่าหากคุณทำการค้าขายและฟังลูกค้าผิดจนขายพลาด หรือคนรักกำลังอธิบายความรู้สึกอย่างซาบซึ้งแต่คุณไม่ได้ยินเขา คุณคงไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นใช่ไหม?

 

5. เครื่องช่วยฟังจะดีจริงเหรอ? เป็นเรื่องปกติที่คุณจะไม่มั่นใจในการลองใช้สิ่งใหม่ๆ และบางครั้งอาจได้ยินเพื่อนบอกมาว่าเครื่องช่วยฟังไม่ได้ช่วยอะไร แต่อยากให้แยกแยะระหว่างเครื่องช่วยฟังที่ซื้อโดยไม่ปรับให้เข้ากับผลการได้ยิน เปรียบเทียบกับเครื่องช่วยฟังดิจิตอลจากศูนย์เราที่จะต้องตรวจการได้ยินอย่างละเอียดเพื่อทำการปรับเครื่องช่วยฟังให้เข้ากับระดับการได้ยินของคุณโดยเฉพาะ เสื้อผ้าที่สั่งตัดเพื่อคุณคนเดียวย่อมสวมใส่สบายได้ดีกว่าเสื้อผ้าทั่วไปแน่นอน ไม่ต่างอะไรกับเครื่องช่วยฟังที่ปรับให้เข้ากับระดับการได้ยิน ย่อมให้ประสิทธิภาพและให้ความพึงพอใจได้อย่างแน่นอน อีกอย่างคุณสามารถขอทดลองนำเครื่องช่วยฟังกลับไปใช้ก่อนได้นานสุดถึง 2 สัปดาห์ จึงไม่มีอะไรที่จะต้องกังวล

 

6. ไว้ใจคนขายได้ดีแค่ไหน? อีกเหตุผลที่หลายคนยังไม่กล้าซื้อเครื่องช่วยฟังก็เพราะยังไม่มั่นใจในคนขายหรือศูนย์จำหน่ายว่ามีความรู้ในการแนะนำเครื่องช่วยฟังได้อย่างถูกต้องหรือไม่ รวมถึงบริการหลังการขายที่คอยบริการ เมื่อคุณมีปัญหา

 

7. ราคาแพงไป เมื่อเปรียบเทียบแว่นตาตามตลาดนัดกับแว่นตาจากร้านตัดแว่น คงปฏิเสธไม่ได้ถึงความแตกต่างกัน และยิ่งค่าสายตาในแต่ละข้างไม่เท่ากันแล้วนั้น ย่อมจำเป็นที่คุณจะเดินเข้าร้านตัดแว่นโดยปริยาย เครื่องช่วยฟังก็เช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นเครื่องช่วยฟังตามอินเตอร์เน็ต ราคาหลักพัน กับเครื่องช่วยฟังอย่างดีที่จำหน่ายในร้านขายเครื่องช่วยฟังโดยเฉพาะ แน่นอนว่าการใส่เครื่องแต่ละที่นั้น ให้ความรู้สึกที่แตกต่างกัน ทั้งนี้แล้วไม่มีอะไรที่แพงเกินไปหากสิ่งนั้นคุ้มค่าและได้ประโยชน์กับคุณ และยิ่งไปกว่านั้นมันทำให้คุณภาพชีวิตของคุณดีขึ้น

 

ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่หลายคนลังเลก่อนที่จะตัดสินใจใส่เครื่องช่วยฟัง ดังนั้นการจะเลือกเครื่องช่วยฟังสักเครื่อง คุณควรเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หรือศูนย์บริการเครื่องช่วยฟังนั้นๆ

 

 

ทุกปัญหาการได้ยิน เรามีคำตอบ

ศูนย์สุขภาพการได้ยินอินทิเม็กซ์ เชียงใหม่
โทร: 053271533, 0890537111
คุยเฟสบุ๊ค: m.me/hearingchiangmai
คุยไลน์: line.me/ti/p/%40hearingchiangmai

สูญเสียการได้ยิน หูตึง เชียงใหม่

 

      การสูญเสียการได้ยิน ไม่ว่าจะเป็นระดับเล็กน้อยถึงปานกลางที่เรียกว่า “หูตึง” หรือระดับรุนแรงที่เรียกว่า “หูหนวก” ก็ส่งผลให้คุณภาพชีวิตลดลง เพราะไม่สามารถได้ยินและสื่อสารกับคนรอบข้างได้

 

ปัจจัยเสี่ยงอะไรบ้าง ที่อาจส่งผลต่อการสูญเสียการได้ยิน?


  1. อายุที่มากขึ้น โครงสร้างของหูชั้นในเสื่อมลง จึงส่งผลต่อการได้ยิน
  2. การได้ยินเสียงดัง ไม่ว่าจะเป็นการได้ยินเสียงดังสะสมจากการทำงานในที่ที่มีเสียงดัง การได้ยินเสียงดังมากในระยะสั้นเช่นเสียงปืนหรือเสียงระเบิด ก็ล้วนเสี่ยงต่อการสูญเสียการได้ยิน
  3. พันธุกรรม ปัญหาการได้ยินสามารถถูกถ่ายทอดไปยังลูกหลานได้
  4. ยาบางชนิด เช่นยาลดไข้แอสไพริน ยาขับปัสสาวะ หากรับประทานต่อเนื่องนานเกินไป หรือปริมาณที่มากเกินความจำเป็น ก็อาจทำให้เกิดอาการเสียงดังในหู (Tinnitus) หรือสูญเสียการได้ยิน
  5. การเจ็บป่วย  โรคบางชนิดเช่นไข้เยื่อหุ้มสมองอักเสบ ทำให้หูดับหรือหูหนวกได้
  6. ความเครียดหรือพักผ่อนน้อย เมื่อสะสมนานๆ เข้าก็มีผลต่อประสาทหูเสื่อมได้

 

เลยเป็นเหตุผลว่า ทำไมเราจึงควรตรวจการได้ยินเป็นประจำทุกปี ควรป้องกันไว้ก่อนสายเกินแก้

 

ศูนย์สุขภาพการได้ยินอินทิเม็กซ์ เชียงใหม่
โทร: 053271533, 0890537111
เฟซบุ๊ค: m.me/hearingchiangmai
ไลน์: line.me/ti/p/%40hearingchiangmai