โรคไข้หูดับ หรือโรคติดเชื้อแบคทีเรียสเตร็ปโตคอคคัส ซูอิส พบครั้งแรกในมนุษย์ เมื่อปี พ.ศ. 2511 ที่ประเทศเดนมาร์ก ทำให้เยื่อหุ้มสมองอักเสบ และติดเชื้อในกระแสเลือด
Tag Archive for: หูดับ
จากการเฝ้าระวังของกรมควบคุมโรค สถานการณ์โรคไข้หูดับในประเทศไทย
ฉบับที่ 21/2564 ประจำสัปดาห์ที่ 22 (วันที่ 30 พ.ค. – 5 มิ.ย. 64)
รายงานพบผู้ป่วยโรคไข้หูดับ 171 ราย
เสียชีวิต 11 ราย
กลุ่มอายุที่พบผู้ป่วยสูงสุด คือ กลุ่มผู้สูงอายุและวัยทำงาน ได้แก่ อายุมากกว่า 65 ปี รองลงมาคือ อายุ 55 – 64 ปี และอายุ 45 – 54 ปี ตามลำดับ อาชีพที่พบผู้ป่วยส่วนใหญ่ คือ รับจ้าง รองลงมาคือ เกษตรกร ภาคที่พบผู้ป่วยมากที่สุดคือ ภาคเหนือ รองลงมา ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และจังหวัดที่มีอัตราป่วยสูงสุด 5 อันดับแรก คือ ลำปาง พะเยา อุตรดิตถ์ นครราชสีมา และสุโขทัย ตามลำดับ
พยากรณ์โรคและภัยสุขภาพ คาดว่าในช่วงนี้มีโอกาสจะพบผู้ป่วยโรคไข้หูดับเพิ่มขึ้น เนื่องจากปัจจัยแวดล้อมและวัฒนธรรมการรับประทานอาหาร โดยเฉพาะในภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จึงขอเตือนให้ประชาชนระมัดระวังการป่วยด้วยโรคไข้หูดับ โรคไข้หูดับเกิดจาก เชื้อแบคทีเรียสเตรปโตคอกคัส ซูอิส (Streptococcus suis)
โรคไข้หูดับ สามารถติดต่อได้ 2 ทาง คือ
1. การบริโภคเนื้อหมู และเลือดหมูที่ปรุงแบบดิบ หรือสุกๆ ดิบๆ
2. การสัมผัสกับหมูที่ติดเชื้อ ทั้งเนื้อหมู เครื่องใน และเลือดหมูที่เป็นโรค ติดต่อผ่านทางบาดแผล รอยถลอก และทางเยื่อบุตา
อาการหลังได้รับเชื้อแบคทีเรียสเตรปโตคอกคัส ซูอิส หรือไข้หูดับ ในไม่กี่ชั่วโมง จนถึง 5 วัน
- มีไข้สูง
- ปวดศีรษะรุนแรง
- เวียนศีรษะจนทรงตัวไม่ได้
- อาเจียน
- ถ่ายเหลว
- คอแข็ง
- สูญเสียการได้ยินถึงขั้นหูหนวกถาวร
- ข้ออักเสบ
- เนื้อเยื่อใต้ผิวหนังติดเชื้อรุนแรง
- ติดเชื้อในกระแสเลือดจนเสียชีวิตได้
กลุ่มเสี่ยงที่เมื่อได้รับเชื้อแล้วจะมีอาการรุนแรง ได้แก่ ผู้ป่วยโรคพิษสุราเรื้อรัง ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ไต มะเร็ง หัวใจ ผู้ที่เคยตัดม้ามออก เป็นต้น เนื่องจากร่างกายมีภูมิต้านทานโรคต่ำ
กรมควบคุมโรค แนะนำวิธีป้องกันโรคไข้หูดับ ดังนี้
- ควรรับประทานหมูที่ปรุงสุกเท่านั้น และเลือกซื้อเนื้อหมูที่ไม่มีกลิ่นคาวหรือสีคล้ำ ล้างมือด้วยน้ำสบู่ทุกครั้งหลังสัมผัส หากรับประทานอาหารปิ้งย่าง ขอให้ทำให้สุกก่อนเสมอ และแยกอุปกรณ์ที่ใช้หยิบเนื้อหมูสุกและดิบ
- ผู้ที่สัมผัสกับหมู โดยเฉพาะผู้เลี้ยงหมู ผู้ที่ทำงานในโรงฆ่าสัตว์ ผู้ที่ชำแหละเนื้อหมู สัตวบาล สัตวแพทย์ ควรสวมใส่เสื้อและกางเกงที่ปกปิดมิดชิด ใส่รองเท้าและ ถุงมือทุกครั้งเมื่อเข้าไปทำงานในคอกสุกร หลีกเลี่ยงการจับซากสุกรที่ตายด้วยมือเปล่า ล้างมือหลังสัมผัสกับหมูทุกครั้ง หากมีบาดแผลต้องปิดแผลให้มิดชิด และผู้จำหน่าย ควรจำหน่ายเนื้อหมูที่มาจากโรงฆ่าสัตว์ที่ได้มาตรฐาน ทำความสะอาดแผงด้วยนํ้ายาฆ่าเชื้อทุกวันหลังเลิกขาย และเก็บเนื้อหมูที่จะขายในอุณหภูมิที่ตํ่ากว่า 10°C
ทั้งนี้ หากมีอาการไข้สูง ปวดศีรษะอย่างรุนแรง เวียนศีรษะจนทรงตัวไม่ได้ อาเจียน คอแข็ง หูหนวก ท้องเสีย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ หลังสัมผัสหมูที่ป่วยหรือรับประทานอาหารที่ปรุงมาจากเนื้อหมูไม่สุก ให้รีบไปพบแพทย์ทันทีและแจ้งประวัติการรับประทานหมูดิบให้แพทย์ทราบ เพื่อรับการวินิจฉัยที่ถูกต้องและรวดเร็ว ซึ่งจะช่วยลดอัตราการหูหนวกและการเสียชีวิตได้
ข้อมูล : สายด่วนกรมควบคุมโรค สอบถามเพิ่มเติมได้ โทร. 1422
เราพร้อมให้คำปรึกษาปัญหาการได้ยิน หูหนวก หูดับ
ศูนย์สุขภาพการได้ยินอินทิเม็กซ์ เชียงใหม่
โทร: 053-271533, 089-0537111
เฟซบุ๊ค: m.me/hearingchiangmai
ไลน์: line.me/ti/p/%40hearingchiangmai
ผู้เข้ารับการผ่าตัดประสาทหูเทียม
กรณีเด็ก มีหลักเกณฑ์เบื้องต้น ดังนี้
- หูหนวก ทั้ง 2 ข้าง (สูญเสียการได้ยินตั้งแต่ระดับ 80 เดซิเบลขึ้นไป – ABR, ASSR ระดับ 90 เดซิเบลขึ้นไป)
- อายุแรกเกิด ถึง 4 ปี ที่ไม่รับรู้เสียงพูด และไม่มีพัฒนาการด้านทักษะการฟัง การพูด และภาษา (สำหรับมูลนิธิ เด็กต้องอายุไม่เกิน 3 ขวบ)
- อายุมากกว่า 5 ปี แต่ยังจำแนกคำพูดได้น้อยกว่า 50% ไม่ได้ประโยชน์จากการใส่เครื่องช่วยฟัง
- ผู้ปกครองต้องทุ่มเท เอาใจใส่ และส่งเสริมการมีพัฒนาการทางด้านทักษะการฟัง และการพูดของเด็กเป็นอย่างดี
หมายเหตุ : อายุ ไม่ได้ระบุแน่ชัด ขึ้นอยู่กับการประเมินความพร้อมก่อนการผ่าตัดของทีมแพทย์ และการประเมินความพร้อมของครอบครัวในการฟื้นฟูภายหลังการผ่าตัด
สำหรับความคาดหวังของการผ่าตัดประสาทหูเทียมในเด็กนั้น ผู้ปกครองจะเป็นผู้คาดหวังในการผ่าตัดเสียส่วนใหญ่ว่า หลังจากการผ่าตัดใส่ประสาทหูเทียมแล้วเด็กจะต้องได้ยินและมีพัฒนาการตามช่วงวัยเหมือนเด็กปกติทั่วไป ซึ่งความเป็นจริงแล้ว สำหรับเด็กที่มีการสูญเสียการได้ยินแต่กำเนิด การรับรู้และพัฒนาการของเด็กจะช้ากว่าเด็กปกติ
และเมื่อเข้ารับการผ่าตัดใส่ประสาทหูเทียม พัฒนาการของเด็กจะพัฒนาได้ช้าหรือเร็วนั้น ขึ้นอยู่กับการดูแลเอาใจใส่ของผู้ปกครองและความพร้อมของตัวเด็กเอง
ดังนั้นหลังจากการผ่าตัดใส่ประสาทหูเทียม ผู้ปกครองจำเป็นต้องให้การสนับสนุนและส่งเสริมการเรียนรู้ของเด็ก ให้ความสำคัญกับการฝึกฟัง ฝึกพูด เพื่อเสริมสร้างพัฒนาการให้เด็กเติบโตอย่างสมวัย (กรณีเด็กที่ทำการผ่าตัดใส่ประสาทหูเทียมแล้วไม่ได้รับการฝึกฟัง ฝึกพูด อาจทำให้เด็กเลือกใช้ภาษามือ และท่าทางแทนการสื่อสารด้วยภาษาพูด)
การสูญเสียการได้ยินเป็นเวลานาน ส่งผลต่อพัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็กได้ และควรได้รับการฟื้นฟู ไม่เกิน 6 เดือน
สอบถามข้อมูลเทคโนโลยีประสาทหูเทียมเพิ่มเติมได้ที่
ศูนย์สุขภาพการได้ยินอินทิเม็กซ์ เชียงใหม่
โทร: 053-271533, 089-0537111
คุยเฟสบุ๊ค: m.me/hearingchiangmai
คุยไลน์: line.me/ti/p/%40hearingchiangmai
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เผยข้อมูลจากสำนักระบาดวิทยา
ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 19 ตุลาคม 2561
พบจำนวนผู้ป่วยโรคไข้หูดับแล้ว 274 ราย เสียชีวิต 26 ราย โดยยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นจากปี 2560 ที่ผ่านมา ซึ่งพบผู้ป่วยโรคไข้หูดับ 317 ราย เสียชีวิต 15 ราย
ผู้ป่วยส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มอายุ 65 ปีขึ้นไป รองลงมาอายุ 45 – 54 ปี ภาคเหนือมีจำนวนผู้ป่วยมากที่สุดถึง 199 ราย หรือเกือบ 3 ใน 4 ของผู้ป่วยทั้งหมด และจังหวัดที่มีอัตราป่วยสูงสุด 5 อันดับแรก คือ พะเยา อุตรดิตถ์ กำแพงเพชร นครสวรรค์ และสระแก้ว ตามลำดับ
โรคไข้หูดับ เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย “สเตร็ปโตค็อกคัส ซูอิส (Streptococcus suis)”
โดยเชื้อจะอยู่ในทางเดินหายใจของหมู และอยู่ในเลือดของหมูที่กำลังป่วย เป็นเชื้อที่สามารถติดจากหมูสู่คนได้ ซึ่งมีการรายงานเกิดขึ้นครั้งแรกที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ ในปีพ.ศ. 2511
โรคนี้ติดต่อได้ 2 ทาง คือ
- การสัมผัสกับหมูที่ติดเชื้อ รวมทั้งเนื้อหมู เครื่องใน และเลือดหมู โดยติดต่อสู่คนทางบาดแผล รอยขีดข่วนตามร่างกาย หรือทางเยื่อบุตา
- การบริโภคเนื้อหมู และเลือดหมูที่ปรุงแบบดิบ หรือสุกๆ ดิบๆ ที่มีเชื้ออยู่ ผู้ป่วยจะมีอาการหลังรับประทาน 3 – 5 วัน บางรายแสดงอาการหลังจากรับประทานภายใน 1 วัน ซึ่งเชื้อจะเข้าไปทำให้เยื่อหุ้มสมอง เยื่อบุหัวใจอักเสบ อาจทำให้ประสาทหูทั้ง 2 ข้างอักเสบและเสื่อมจนหูหนวกถาวร และอาจเสียชีวิตจากการติดเชื้อในกระแสเลือดได้
วิธีป้องกันโรคไข้หูดับ คือ
- กินเนื้อหมูปรุงสุกเท่านั้น และควรเลือกซื้อเนื้อหมูที่ไม่มีกลิ่นคาว สีคล้ำ ผ่านการตรวจสอบมาตรฐานจากโรงฆ่าสัตว์
- ผู้ที่สัมผัสกับหมูที่ติดโรค โดยเฉพาะผู้เลี้ยงหมู ผู้ที่ทำงานในโรงฆ่าสัตว์ ผู้ที่ชำแหละเนื้อหมู สัตวบาล สัตวแพทย์ ควรสวมรองเท้า บู๊ทยาง สวมถุงมือ รวมถึงสวมเสื้อที่รัดกุมระหว่างทำงาน หากมีบาดแผลต้องปิดแผลให้มิดชิด และล้างมือหลังสัมผัสกับหมูทุกครั้ง
อาการของโรคไข้หูดับ คือ
ไข้สูง ปวดศีรษะอย่างรุนแรง เวียนศีรษะจนทรงตัวไม่ได้ อาเจียน คอแข็ง หูหนวก ท้องเสีย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ภายหลังสัมผัสหมูที่ป่วย หรือหลังกินอาหารที่ปรุงมาจากเนื้อหมูดิบ หรือ สุกๆ ดิบๆ ให้รีบพบแพทย์ทันที และบอกประวัติการกินหมูดิบให้ทราบ เพราะหากมาพบแพทย์เร็วจะช่วยลดอัตราการหูหนวกและการเสียชีวิตได้ และโรคนี้สามารถรักษาหายและมียารักษาในโรงพยาบาลทุกแห่งทั่วประเทศ
ข้อมูล : สายด่วนกรมควบคุมโรค สอบถามเพิ่มเติมได้ โทร. 1422
สำหรับผู้ป่วยโรคไข้หูดับ ที่สูญเสียการได้ยินแล้วนั้น ท่านสามารถกลับมาได้ยินอีกครั้ง ด้วยวิธีการ การผ่าตัดประสาทหูเทียม อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ส่งสัญญาณไฟฟ้าเข้าไปกระตุ้นประสาทการได้ยิน และผ่านไปยังสมองโดยตรง
เราพร้อมให้คำปรึกษาผู้ป่วยที่มีอาการหูดับ หรือมีปัญหาการได้ยิน
ศูนย์สุขภาพการได้ยินอินทิเม็กซ์ เชียงใหม่
โทร: 053271533, 0890537111
คุยเฟสบุ๊ค: m.me/hearingchiangmai
คุยไลน์: line.me/ti/p/%40hearingchiangmai
การผ่าตัดประสาทหูเทียม เหมาะสำหรับผู้ที่สูญเสียการได้ยินในระดับรุนแรงถึงหูหนวก และไม่ได้รับประโยชน์จากเครื่องช่วยฟัง
ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการแพทย์จะพิจารณาให้ประสาทหูเทียมเป็นวิธีแก้ปัญหาการได้ยินในระยะยาว มีขั้นตอนและกระบวนการ 3 ขั้นตอน ดังนี้ คือ ขั้นตอนการเตรียมการก่อนผ่าตัด การเตรียมตัวผ่าตัด และการดูแลและฟื้นฟูหลังผ่าตัด
3 ขั้นตอน การผ่าตัดประสาทหูเทียม
1. ขั้นตอนการเตรียมการก่อนผ่าตัด
ผู้ป่วยที่ผ่าตัดประสาทหูเทียมต้องได้รับการประเมินก่อนผ่าตัด โดยกระบวนการประเมินความเหมาะสม และความพร้อมของร่างกาย เพื่อให้แน่ใจว่าประสาทหูเทียมคือคำตอบที่เหมาะสมที่สุดสำหรับตัวผู้ป่วยเอง
- การทดสอบการได้ยิน เช่น ระดับการได้ยิน ความเข้าใจภาษา การทำงานของระบบประสาทการได้ยิน
- การทดสอบด้านการแพทย์ การตรวจร่างกายและทำ MRI เพื่อตรวจสุขภาพโดยทั่วไป ได้แก่ การซักประวัติผู้ป่วย สาเหตุของการสูญเสียการได้ยิน การตรวจความผิดปกติของชั้นหู การประเมินโครงสร้างภายในของหู รวมถึงการตรวจเลือด ปัสสาวะ ปอด หัวใจ เพื่อตรวจดูความสมบูรณ์ของร่างกายก่อนผ่าตัดฝังประสาทหูเทียมด้วยการดมยาสลบ
- การทดสอบด้านจิตวิทยา เพื่อรับรองความสามารถในการรับมือกับการผ่าตัด และมีส่วนร่วมในการติดตามผล ดูแลและรักษาฟื้นฟูสมรรถภาพภายหลังการผ่าตัด
2. ขั้นตอนการเตรียมตัวผ่าตัด
กระบวนการผ่าตัดประสาทหูเทียม ใช้เวลาผ่าตัดประมาณ 1 – 3 ชั่วโมง สำหรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นนั้นพบน้อยมาก ศัลยแพทย์จะเป็นคนปรึกษาเรื่องความเสี่ยงกับตัวผู้ป่วยเอง
- ผู้ป่วยควรงดน้ำ อาหารทุกชนิด ก่อนเวลาผ่าตัดประมาณ 6 – 8 ชั่วโมง
- ผู้ป่วยที่ดื่มสุราหรือสูบบุหรี่เป็นประจำ ควรงดเว้นก่อนอย่างน้อย 2 สัปดาห์ หรือ 1 เดือน หรือตามคำสั่งของแพทย์ (เพื่อป้องกันผู้ป่วยที่ต้องใช้วิธีดมยาสลบ อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากปอดทำงานหนัก ส่งผลให้ปอดอักเสบจากการสูดสำลัก หรือไอมากหลังผ่าตัดได้)
- ผู้ป่วยควรงดใช้ยา 1 สัปดาห์ ก่อนผ่าตัด (แอสไพริน หรือยาต้านการอักเสบอื่น ๆ) หากเป็นยารักษาโรคประจำตัว ควรปรึกษาแพทย์
- การผ่าตัดใช้วิธีการดมยาสลบ โดยวิสัญญีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
การดำเนินการ ประกอบด้วยสองส่วน :
การฝังของตัวรับสัญญาณ– ตัวรับสัญญาณที่ติดตั้งอยู่บนกระดูกหลังใบหูภายใต้ผิวหนัง อิเล็กโทรดมีการเชื่อมต่อไปยังตัวรับส่งเสียงโดยตรงกับประสาทหู
การเชื่อมต่อภายนอกของตัวแปลงสัญญาณ– ใช้เวลาประมาณ 4 สัปดาห์ สำหรับการเปิดเครื่องประสาทหูเทียม (ตัวแปลงสัญญาณเสียง) หลังจากการผ่าตัดเสร็จสิ้น
3. ขั้นตอนการดูแลและฟื้นฟูหลังผ่าตัด
- เมื่อผ่าตัดเสร็จ แพทย์จะให้ผู้ป่วยอยู่พักฟื้นเพื่อสังเกตอาการประมาณ 1 – 2 ชั่วโมง จากนั้นจะย้ายผู้ป่วยไปพักฟื้นต่อที่หอผู้ป่วย
- ผู้ป่วยใช้เวลาในการพักฟื้นที่โรงพยาบาลประมาณ 3 – 4 วัน
- แพทย์จะให้ยาแก้ปวด เมื่อผู้ป่วยรู้สึกเจ็บปวดหลังการผ่าตัด
- ผู้ป่วยจะถูกสั่งงดน้ำ และอาหารทุกชนิด เป็นเวลา 24 ชั่วโมง หลังการผ่าตัด
เมื่อการผ่าตัดเสร็จสิ้นประมาณ 4 สัปดาห์ นักแก้ไขการได้ยินจะทำการเปิดเครื่องประสาทหูเทียม และติดตั้งโปรแกรมในอุปกรณ์ให้เหมาะสมกับระดับการได้ยิน และปรับการตั้งค่าการติดตามผลในครั้งต่อๆ ไป นักแก้ไขการได้ยินจะทำการติดตามผลเป็นประจำทุกปี ปีละ 1 หรือ 2 ครั้ง
ผลสําเร็จและการฟื้นฟูหลังการผ่าตัด การได้ยินในผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดฝังประสาทหูเทียม จะไม่เหมือนการได้ยินปกติ ผู้ป่วยต้องใช้เวลาในการเรียนรู้และฝึกฝนจึงจะสามารถฟัง แปลผล และสื่อสารได้ จึงมีความจําเป็นที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากครอบครัว และบุคลากรหลายด้าน ซึ่งประกอบด้วยแพทย์ นักแก้ไขการพูด ครูการศึกษาพิเศษ หรือ ครูที่โรงเรียน เพื่อน ที่ต้องเอาใจใส่ พูดคุยกระตุ้นเพื่อให้ได้ฝึกฟังและพูดตลอดเวลา
สามารถอ่านข้อมูลคุณสมบัติผู้ผ่าตัดประสาทหูเทียมได้ที่ คุณสมบัติผู้ผ่าตัดประสาทหูเทียม
หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการผ่าตัดประสาทหูเทียม เราพร้อมให้คำปรึกษา
ศูนย์สุขภาพการได้ยินอินทิเม็กซ์ เชียงใหม่
โทร: 053-271533, 089-0537111
Facebook: m.me/hearingchiangmai
Line Official: line.me/ti/p/%40hearingchiangmai
พอพูดถึงลาบหมู หลายคนคงน้ำลายไหลอยากทานขึ้นมาเลยใช่ไหมครับ? แต่ทราบไหมครับว่า “ลาบหมูดิบ” อาจทำให้คุณถึงตายได้! และหลายรายก็มีอาการ “หูดับ” จนไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยแม้แต่นิด เนื่องจากการติดเชื้อจนอักเสบลุกลาม ทำให้เกิดโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบได้
โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ เกิดจากอะไร?
บางคนอาจเรียกว่า โรคไข้หูดับ ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อไวรัสสเต็พโตค็อกคัส ซูอิส (Streptococcus Suis) ที่เกิดจากการกินลาบหมูดิบ เมื่อเชื้อเข้าสู่กระแสเลือดแล้วก็สามารถกระจายไปยังเยื่อหุ้มสมองได้ โดยจะแสดงอาการดังนี้
- ไข้ขึ้นสูง ปวดศีรษะ อาเจียน ซึ่งจะเปิดหลังการรับเชื้อไป 2-5 วัน
- ประมาณครึ่งหนึ่งของคนไข้ จะมีอาการหูดับหลังการรับเชื้อไป 3-5 วัน
- บางรายมีอาการแสดงออกทางผิวหนัง เช่นอาการจ้ำเลือด เลือดออกใต้ผิวหนัง
- อาการแทรกซ้อนอื่นๆ เช่น ไตวาย โลหิตเป็นพิษ
แล้วจะป้องกันอย่างไรดี?
- หลีกเลี่ยงการทานลาบ หลู้ ที่ใช้ส่วนประกอบจากหมูดิบ เช่นเนื้อหมูดิบ เลือดหมู
- เมื่อมีแผล ต้องระมัดระวังในการสัมผัสกับเนื้อหมู
- หากเลี้ยงหมู ควรดูแลสถานที่ให้ถูกสุขอนามัย และสวมถุงมือ สวมรองเท้าบู๊ท ระหว่างปฏิบัติงาน
- เลือกซื้อเนื้อหมูจากสถานที่ที่ไว้ใจได้ และไม่เลือกเนื้อหมูที่มีกลิ่นคาว สีคล้ำ
ถ้าหูดับจากโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ จะกลับมาได้ยินได้ไหม?
ถ้าหูดับหรือหูหนวก โดยส่วนมากแล้วเซลล์รับเสียงในหูชั้นในจะถูกทำลายไปจนไม่เหลือพอที่จะทำหน้าที่รับสัญญาณเสียงจากเครื่องช่วยฟังได้
อีกทางเลือกหนึ่งในการรักษาคือ การผ่าตัดประสาทหูเทียม
ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ส่งสัญญาณไฟฟ้าเข้าไปกระตุ้นประสาทการได้ยิน และผ่านไปยังสมองโดยตรง
อ่านรายละเอียดเกี่ยวกับประสาทหูเทียม คลิกที่นี่
อ่านรายละเอียดเกี่ยวกับสิทธิของข้าราชการและรัฐวิสาหกิจ เรื่องการเบิกประสาทหูเทียม คลิกที่นี่
เราพร้อมให้คำปรึกษาหูดับ ประสาทหูเทียม
ศูนย์สุขภาพการได้ยินอินทิเม็กซ์ เชียงใหม่
โทร: 053271533, 0890537111
คุยเฟสบุ๊ค: m.me/hearingchiangmai
คุยไลน์: line.me/ti/p/%40hearingchiangmai
การสูญเสียการได้ยิน ไม่ว่าจะเป็นระดับเล็กน้อยถึงปานกลางที่เรียกว่า “หูตึง” หรือระดับรุนแรงที่เรียกว่า “หูหนวก” ก็ส่งผลให้คุณภาพชีวิตลดลง เพราะไม่สามารถได้ยินและสื่อสารกับคนรอบข้างได้
ปัจจัยเสี่ยงอะไรบ้าง ที่อาจส่งผลต่อการสูญเสียการได้ยิน?
- อายุที่มากขึ้น โครงสร้างของหูชั้นในเสื่อมลง จึงส่งผลต่อการได้ยิน
- การได้ยินเสียงดัง ไม่ว่าจะเป็นการได้ยินเสียงดังสะสมจากการทำงานในที่ที่มีเสียงดัง การได้ยินเสียงดังมากในระยะสั้นเช่นเสียงปืนหรือเสียงระเบิด ก็ล้วนเสี่ยงต่อการสูญเสียการได้ยิน
- พันธุกรรม ปัญหาการได้ยินสามารถถูกถ่ายทอดไปยังลูกหลานได้
- ยาบางชนิด เช่นยาลดไข้แอสไพริน ยาขับปัสสาวะ หากรับประทานต่อเนื่องนานเกินไป หรือปริมาณที่มากเกินความจำเป็น ก็อาจทำให้เกิดอาการเสียงดังในหู (Tinnitus) หรือสูญเสียการได้ยิน
- การเจ็บป่วย โรคบางชนิดเช่นไข้เยื่อหุ้มสมองอักเสบ ทำให้หูดับหรือหูหนวกได้
- ความเครียดหรือพักผ่อนน้อย เมื่อสะสมนานๆ เข้าก็มีผลต่อประสาทหูเสื่อมได้
เลยเป็นเหตุผลว่า ทำไมเราจึงควรตรวจการได้ยินเป็นประจำทุกปี ควรป้องกันไว้ก่อนสายเกินแก้
ศูนย์สุขภาพการได้ยินอินทิเม็กซ์ เชียงใหม่
โทร: 053271533, 0890537111
เฟซบุ๊ค: m.me/hearingchiangmai
ไลน์: line.me/ti/p/%40hearingchiangmai
ย้อนกลับไปเมื่อ 30 ปีที่แล้ว Holly McDonell อายุเพียง 4 ขวบเมื่อเป็นไข้เยื่อหุ้มสมองอักเสบจนหูหนวกขั้นรุนแรง เธอเป็นคนไข้เด็กคนแรกของโลกที่ได้รับการผ่าตัดประสาทหูเทียมในปีพ.ศ. 2530
จากหูหนวก ก็กลับมาได้ยินอย่างมีความสุข ประสาทหูเทียมช่วยเปลี่ยนชีวิตของฉัน
หลังจากนั้น Holly จึงกลับมาได้ยิน และเข้าโรงเรียนปกติเหมือนเด็กทั่วไป เธอเติบโตและทำงานอย่างมีความสุข
ฉันได้ทำงานเกี่ยวกับกฏหมาย และนั่นก็ทำให้ฉันได้พบกับ Jamie สามีของฉัน
ภายหลังการแต่งงาน Holly จึงได้มีลูกที่น่ารัก Madeleine และนั่นทำให้เธอได้รับรู้ถึงความสุขของเสียงที่แท้จริง
การได้ยินเสียงของลูก ทำให้ฉันชีวิตของฉันเติมเต็มไปด้วยความสุข ฉันรู้สึกตื้นตันจากใจที่ได้รับการผ่าตัดประสาทหูเทียม มันคือความมหัศจรรย์จริงๆ
ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2530 มาจนถึงปัจจุบันเป็นเวลา 30 ปี Holly ไม่เคยต้องผ่าตัดซ้ำ ประสาทหูเทียมที่เธอใช้ก็ยังเป็นรุ่นเดิม เธอเพียงแค่เปลี่ยนเครื่องแปลงสัญญาณเสียงภายนอก ให้อัพเดทและใช้งานได้เหมาะสมกับชีวิตประจำวันเท่านั้น
สำหรับผู้ที่มีปัญหาการได้ยิน ไม่ว่าจะเป็นระดับเริ่มต้น ปานกลาง รุนแรงจนกระทั่งดับหรือหูหนวก ก็สามารถกลับมาได้ยินอีกครั้งได้เหมือน Holly เพียงแค่คุณได้รับคำแนะนำที่เหมาะสมจากแพทย์หรือนักแก้ไขการได้ยิน
ศูนย์สุขภาพการได้ยินอินทิเม็กซ์ เชียงใหม่
โทร: 053271533, 0890537111
คุยเฟสบุ๊ค: m.me/hearingchiangmai
คุยไลน์: line.me/ti/p/%40hearingchiangmai
ถ้าเช้าวันหนึ่ง คุณตื่นมาแล้วพบว่าตัวเองไม่ได้ยินเสียงรอบข้างอีกต่อไป เสียงคู่รัก เสียงคนในครอบครัว เสียงนกร้อง ทุกอย่างล้วนเงียบสงัด คุณจะรู้สึกอย่างไร?
อยากให้คุณได้อ่านเรื่องราวของแพท ที่เกิดและเติบโตแบบคนปกติทั่วไป เธอได้ยินเสียงและมีความสุขจนกระทั่งตอนอายุ 34 ปีในปี 2524 เธอก็มีอาการหูดับ และสูญเสียการได้ยินถึงขั้นหูหนวกสนิทภายใน 3 วันหลังจากเริ่มเกิดอาการ แพทย์ได้แจ้งว่าสาเหตุมาจากเธอติดเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง
หลังจากนั้นแพทก็ใช้ชีวิตในโลกอันเงียบสงัดเป็นเวลา 3 ปี จนกระทั่งสามีของเธอได้ดูรายการโทรทัศน์ที่พูดเกี่ยวกับประสาทหูเทียม จึงแนะนำให้แพทเข้ารับการผ่าตัดประสาทหูเทียม
“ฉันรู้สึกว่าส่วนหนึ่งของชีวิตได้สูญหายไป ฉันต้องคอยถามให้คนอื่นพูดหลายรอบเพื่อที่จะอ่านปาก มันคงจะดีถ้าฉันจะมีโอกาสได้ยินอีกครั้ง” แพทได้กล่าวไว้
หลังจากได้รับคำปรึกษาจากแพทย์ และผ่านขั้นตอนต่างๆ แพทจึงได้รับการผ่าตัดในเดือนเมษายน 2530 ซึ่งเธอเป็นคนไข้คนแรกใน South Dakota ประเทศสหรัฐอเมริกาที่ได้รับการผ่าตัดประสาทหูเทียม
ปัจจุบันเธอใช้เครื่องแปลงสัญญาณเสียงของ Cochlear รุ่น Nucleus 6 แพทได้เล่าให้ฟังว่า
“เสียงที่ฉันชอบฟังมากที่สุดคือเสียงคนในครอบครัว เสียงนกร้อง เสียงดนตรี จะว่าไปก็ชอบทุกเสียงนั่นแล่ะ”
เธอยอมรับว่าประสาทหูเทียมทำให้เธอเหมือนกับเกิดใหม่ เธอไม่ต้องพลาดกับเสียงทุกเสียงในชีวิตประจำวันอีกต่อไป
“สำหรับคนที่มีปัญหาหูดับ หูหนวก หรือสูญเสียการได้ยินขั้นรุนแรง ควรรีบได้รับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ และประสาทหูเทียมจะเป็นคำตอบ ที่จะทำให้เขาเหล่านั้นได้รับความสุขในชีวิตกลับมาอีกครั้ง”
สำหรับผู้ที่สนใจศึกษาเรื่องประสาทหูเทียม สามารถขอข้อมูลเพิ่มเติมได้จากเรา โดยกรอกข้อมูลให้เราติดต่อกลับได้ที่ การขอข้อมูลเพื่อติดต่อกลับ
หรือติดต่อเราได้ที่
ศูนย์สุขภาพการได้ยินอินทิเม็กซ์ เชียงใหม่
โทร: 053271533, 0890537111
คุยเฟสบุ๊ค: m.me/hearingchiangmai
คุยไลน์: line.me/ti/p/%40hearingchiangmai