2 แนวทาง ลดความเสี่ยงภาวะสมองเสื่อม ในผู้สูงอายุหูไม่ได้ยิน
หูไม่ได้ยิน เสี่ยงสมองเสื่อม
“สมอง คือ ศูนย์กลางคอยควบคุมและสั่งการอวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกายมนุษย์อย่างแท้จริง”
รู้หรือไม่!…การได้ยินมีความเชื่อมโยงโดยตรงกับสุขภาพสมองของเรา การสูญเสียการได้ยินที่ไม่ได้รับการรักษา สามารถนำไปสู่ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของภาวะสมองเสื่อม เรียนรู้ภาวะสมองเสื่อม ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในผู้สูงอายุหูไม่ได้ยิน พร้อมแนวทางสำหรับผู้สูงอายุห่างไกลภาวะสมองเสื่อมนี้มากที่สุด
สมองฝ่อ
สูญเสียการได้ยิน ที่ไม่ได้รับการรักษา
การสูญเสียการได้ยินเพียงเล็กน้อยสามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะสมองเสื่อมได้
ดร.สตีเวน ออลเดอร์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทวิทยาจาก Re:Cognition Health อธิบายว่า การสูญเสียการได้ยินอาจเพิ่มความเสี่ยงของภาวะสมองเสื่อม เนื่องจากจะลดปริมาณการกระตุ้นทางการได้ยินที่สมองได้รับ ปัจจัยนำเข้าที่ลดลงนี้เชื่อว่ามีส่วนทำให้เกิดการแยกตัวทางสังคม ลดการมีส่วนร่วมทางปัญญา และเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของสมองเมื่อเวลาผ่านไป”
นั่นหมายความว่า เมื่อสมองได้รับสิ่งกระตุ้นน้อยลงจากการได้ยินที่บกพร่อง สมองก็อาจจะฝ่อและหดตัวลงได้
“ยิ่งคุณรอการรักษานานเท่าไหร่ สมองก็ยิ่งมีปัญหาในการทำความเข้าใจและประมวลผลข้อมูลมากขึ้นเท่านั้น” คุณอาจได้ยินเสียงของใครบางคนกำลังพูด แต่สมองของคุณกำลังพยายามทำความเข้าใจคำพูด บางคนอาจรู้สึกเหมือนตนเองมีความบกพร่องทางสติปัญญา แต่แท้จริงแล้วเป็นเพียงการสูญเสียการได้ยิน
“สูญเสียการได้ยินเพียงเล็กน้อย เพิ่มความเสี่ยงการเกิดภาวะสมองเสื่อม…2 เท่า
3 เท่า เมื่อสูญเสียการได้ยินระดับปานกลาง และ 5 เท่า เมื่อสูญเสียการได้ยินอย่างรุนแรง”
ภาวะสมองเสื่อม (Dementia)
คืออะไร ทำไมจึงน่ากลัว
ภาวะสมองเสื่อม คือ กลุ่มอาการที่เกิดจากการทำงานของสมองที่เสื่อมลง ทำให้เกิดความบกพร่องทางสติปัญญา เช่น ความจำ การคิด การใช้เหตุผล การแก้ปัญหา และการสื่อสาร ซึ่งส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ภาวะนี้จึงน่ากลัวเพราะทำให้ผู้ป่วยมีภาวะทุพพลภาพและภาวะพึ่งพาไม่สามารถดูแลตัวเองได้ ต้องการความช่วยเหลือจากบุคคลอื่นในทุกๆ ด้านอย่างต่อเนื่อง และส่งผลกระทบอย่างมากต่อคุณภาพชีวิตของทั้งผู้ป่วยและผู้ดูแล
• ระยะต้น อาการมีเพียงเล็กน้อย เช่น เริ่มมีอาการหลงลืม เสียความจำระยะสั้น ลืมสถานที่ที่คุ้นเคย แต่สุดท้ายอาจจะนึกได้
• ระยะกลาง อาการเริ่มปรากฏชัดเจนขึ้น เริ่มหลงลืมเหตุการณ์ที่สำคัญในช่วงที่ผ่านมา หลงลืมชื่อคน จำทางกลับบ้านไม่ถูก มีปัญหาด้านการสื่อสารกับคนรอบข้าง ต้องการผู้ดูแล มีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไปเช่นหนีออกจากบ้าน ถามคำถามเดิมซ้ำๆ
• ระยะท้าย ในระยะนี้ผู้สูงอายุอาจเริ่มมีภาวะพึ่งพิงโดยสมบูรณ์เนื่องจากมีการบกพร่องในการรู้คิดชัดเจนมากขึ้น อาการในระยะนี้ ได้แก่ ไม่ทราบและไม่สนใจเวลาและสถานที่ จำชื่อคนใกล้ตัวหรือเพื่อนไม่ได้ พฤติกรรมเปลี่ยนไปอย่างชัดเจนเช่นพฤติกรรมก้าวร้าว ด่าทอ ไม่ทราบอารมณ์และความรู้สึกของคู่สนทนา เป็นต้น
รู้หรือไม่! โรคสมองเสื่อมร้อยละ 90 จะเกิดกับวัยสูงอายุ 60 – 65 ปี พบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย และสมองเสื่อมก่อนวัยอันควร พบได้ร้อยละ 10 ในผู้ป่วยอายุก่อน 65 ปี
2 แนวทาง
ลดความเสี่ยงภาวะสมองเสื่อม ในผู้สูงอายุ
แนวทางที่ 1
ตรวจสอบการได้ยิน ดูแลสุขภาพสมองของผู้สูงอายุที่บ้าน
การได้ยินเกิดขึ้นที่สมอง เมื่อหูไม่สามารถรับเสียงได้ สมองก็จะไม่ได้ยิน ไม่เข้าใจความหมาย เราสามารถทดสอบความสามารถทางสมองของผู้สูงอายุที่บ้านได้เป็นประจำ ด้วยการซักถามในเรื่องของเวลา สถานที่ ความจำ การนึกคิด ความจำระยะสั้น การเรียกชื่อ การพูดตาม การทำตามคำบอก และการเขียน เช่น
“มื้อเช้าทานอะไร?”
“มื้อเที่ยงทานข้าวกับอะไร?”
“มื้อเย็นอยากทานอะไร?”
“วันนี้ทำอะไรบ้าง?”
“วันนี้ไปที่ไหนมาบ้าง?”
คำถามที่ดูธรรมดาเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยฝึกสมอง ความจำ ความคิด และทดสอบการได้ยินของผู้สูงอายุ แต่ยังเสริมสร้างการมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีภายในครอบครัว อีกทั้งยังช่วยในการเช็คลิสต์มื้ออาหารที่ผู้สูงอายุรับประทานว่าได้รับสารอาหารครบถ้วนและเพียงพอหรือไม่ สารอาหารใดควรเพิ่มเติม หรือควรเพิ่มกิจกรรมใดให้กับผู้สูงอายุ
นอกจากนี้ ตรวจการได้ยิน เป็นประจำทุกปี วิธีการเฝ้าระวังการสูญเสียการได้ยินและภาวะสมองเสื่อมในผู้สูงอายุ การตรวจการได้ยินจะช่วยหาสาเหตุของความบกพร่องว่ามีความบกพร่องทางการได้ยินหรือมีความบกพร่องทางสติปัญญา เพื่อการรักษาและป้องกันภาวะสมองเสื่อมในผู้สูงอายุได้อย่างทันท่วงที
พิจารณาเครื่องช่วยฟัง เมื่อสูญเสียการได้ยิน ลดความเสี่ยงภาวะสมองเสื่อม
หากพบว่าผู้สูงอายุมีการสูญเสียการได้ยิน การพิจารณาเครื่องช่วยฟังเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะการป้องกันย่อมดีกว่าแก้ไข การใช้เครื่องช่วยฟังจะช่วยให้สมองได้รับการกระตุ้นอย่างต่อเนื่อง ลดความเสี่ยงของการแยกตัวทางสังคม และคงไว้ซึ่งการมีส่วนร่วมทางปัญญา
แนวทางที่ 2
เพิ่ม มื้ออาหารแบบเมดิเตอร์เรเนียน สุขภาพสมองดี สุขภาพจิตดี
นอกจากดูแลการได้ยินที่เป็นส่วนหนึ่งในการเชื่อมโยงผู้สูงอายุกับสังคมแล้ว การดูแลสุขภาพผู้สูงอายุก็สำคัญไม่แพ้กัน เพิ่มมื้ออาหารแบบเมดิเตอร์เรเนียน มื้ออาหารที่ช่วยลดความเสี่ยงภาวะสมองเสื่อม และยังมีสารอาหารในการช่วยบำรุงประสาทหูอย่างโอเมก้า 3 และแร่ธาตุสำคัญ
มื้ออาหาร Mediterranean Diet คืออะไร?
มื้ออาหารเมดิเตอร์เรเนียน คือ รูปแบบการบริโภคอาหารที่อิงจากวิถีชีวิตดั้งเดิมของผู้คนที่มีอายุยืนยาวในแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียนกว่า 20 ประเทศ เช่น อิตาลี สเปน ฝรั่งเศส เป็นต้น โดยมุ่งเน้นการบริโภคอาหารกลุ่มพืชและไขมันดีเป็นหลัก รวมทั้งผสมผสานองค์ประกอบการใช้ชีวิตที่ดีต่อสุขภาพ เช่น การออกกำลังกาย การรับประทานอาหารร่วมกันกับเพื่อนและครอบครัว และการใช้ชีวิตอย่างกระฉับกระเฉง
งานวิจัยเผยว่า ผู้ที่รับประทานอาหารแบบ Mediterranean Diet มีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะสมองเสื่อมลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยผู้ที่รับประทานเป็นประจำมีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะสมองเสื่อม Alzheimer Disease และภาวะสมองเสื่อมจากโรค Parkinson ลดลง 13% เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ได้รับประทาน นอกจากนี้ยังพิสูจน์แล้วว่า มีประโยชน์ต่อสุขภาพจิตและคุณภาพชีวิตโดยรวม ช่วยลดความเสี่ยงของโรคซึมเศร้าและภาวะวิตกกังวล และส่งเสริมการทำงานของสมองและสุขภาพจิตโดยรวม
พีระมิดอาหาร: แนวทางสู่สุขภาพที่ยั่งยืน
พีระมิดอาหารแบ่งออกเป็นชั้นๆ โดยแสดงปริมาณและความถี่ของการบริโภคอาหารแต่ละประเภท จากฐานที่กว้างที่สุด คือรับประทานได้บ่อยที่สุด ไปจนถึงยอดที่เล็กที่สุด คือรับประทานน้อยที่สุด
ส่วนที่สำคัญที่สุดและเป็นรากฐานของพีระมิดนี้ไม่ได้เป็นอาหาร แต่เป็นวิถีชีวิตที่กระตือรือร้นและการรับประทานอาหารร่วมกับผู้อื่น การออกกำลังกายสม่ำเสมอและการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม ถือเป็นหัวใจสำคัญของสุขภาพที่ดีในแบบเมดิเตอร์เรเนียน
กลุ่มอาหารที่ควรบริโภคเป็นประจำทุกวัน และเป็นส่วนประกอบหลักของทุกมื้ออาหาร ได้แก่
ผักและผลไม้: เน้นการบริโภคที่หลากหลายและเพียงพอในแต่ละวัน
ธัญพืชไม่ขัดสี: เช่น ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีท พาสต้าโฮลวีท ข้าวโอ๊ต และบัควีท
ถั่วเปลือกแข็ง และเมล็ดพืช: เช่น อัลมอนด์ วอลนัท เมล็ดทานตะวัน และเมล็ดฟักทอง
ถั่วเมล็ดแห้ง: เช่น ถั่วเลนทิล ถั่วชิกพี และถั่วชนิดต่างๆ
น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์: เป็นแหล่งไขมันหลัก ใช้ในการปรุงอาหารและเป็นน้ำสลัด
สมุนไพรและเครื่องเทศ: ใช้เพื่อเพิ่มรสชาติอาหารแทนการใช้เกลือหรือไขมันมากเกินไป
กลุ่มโปรตีนจากสัตว์ที่ควรบริโภคอย่างสม่ำเสมอ
ปลาและอาหารทะเล: แนะนำให้บริโภคอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง โดยเฉพาะปลาที่มีไขมันดีสูง เช่น แซลมอน ซาร์ดีน แมคเคอเรล
กลุ่มอาหารเหล่านี้สามารถบริโภคได้ แต่ในปริมาณที่จำกัดกว่ากลุ่มชั้นที่ 2
ผลิตภัณฑ์จากนม เช่น โยเกิร์ตและชีส (แนะนำชนิดไขมันต่ำ)
สัตว์ปีก เช่น ไก่ และไก่งวง
ไข่ สามารถบริโภคได้ในปริมาณที่พอเหมาะ
กลุ่มอาหารที่ควรบริโภคในปริมาณที่น้อยที่สุด หรือไม่บ่อยนัก ได้แก่
เนื้อแดง: เช่น เนื้อวัว เนื้อหมู ควรจำกัดปริมาณและไม่ควรกินบ่อย
เนื้อสัตว์แปรรูป: เช่น ไส้กรอก แฮม
ขนมหวานและของหวาน: ควรบริโภคเพียงเล็กน้อยและไม่บ่อย
อาหารแปรรูปและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง
น้ำเปล่า: ควรดื่มให้เพียงพอในแต่ละวัน
ไวน์แดง: สามารถดื่มในปริมาณที่เหมาะสมพร้อมมื้ออาหาร (สำหรับผู้ใหญ่ที่ดื่มแอลกอฮอล์ โดยแนะนำไม่เกิน 1 แก้วต่อวันสำหรับผู้หญิง และไม่เกิน 2 แก้วต่อวันสำหรับผู้ชาย หากไม่ดื่มอยู่แล้วก็ไม่จำเป็นต้องเริ่ม)
ทั้งนี้ หลักการสำคัญของพีระมิดอาหารเมดิเตอร์เรเนียน คือ การเน้นอาหารจากธรรมชาติที่แปรรูปน้อยที่สุด ใช้ไขมันดี เน้นผักผลไม้ และโปรตีนจากปลาเป็นหลัก ควบคู่ไปกับการใช้ชีวิตอย่างกระฉับกระเฉง และการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนส่งเสริมสุขภาพที่ดีและอายุที่ยืนยาว
6 ประโยชน์ มื้ออาหารแบบเมดิเตอร์เรเนียนที่มีต่อสุขภาพ
อาหารเมดิเตอร์เรเนียนได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายและได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในรูปแบบการกินที่ดีที่สุดต่อสุขภาพ เนื่องจากมีผลการวิจัยสนับสนุนมากมายถึงประโยชน์ต่อสุขภาพ ได้แก่
1. สุขภาพหัวใจ : นักวิจัยชี้ว่า ผู้ที่รับประทานอาหารเมดิเตอร์เรเนียนมีความดันโลหิต ระดับคอเลสเตอรอล และระดับน้ำตาลในเลือดต่ำกว่า
2. คุณภาพการนอนหลับ : อาหารแบบเมดิเตอร์เรเนียนมีความเชื่อมโยงกับคุณภาพการนอนหลับที่ดีขึ้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการนอนหลับ และลดเวลาในการใช้นอนหลับ
3. ความเสี่ยงต่อโรคมะเร็ง : อาหารแบบเมดิเตอร์เรเนียนอุดมไปด้วยไฟเบอร์ ไขมันดี และอาหารต้านการอักเสบ ซึ่งสามารถลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งบางชนิดได้
4. สุขภาพจิต : อาหารเมดิเตอร์เรเนียนได้รับการพิสูจน์แล้วว่าช่วยพัฒนาสุขภาพจิตและคุณภาพชีวิต นอกจากนี้ยังสามารถลดภาวะซึมเศร้าและภาวะสมองเสื่อมได้อีกด้วย
5. โรคเบาหวาน : มีงานวิจัยหลายชิ้นพบว่า ผู้ที่รับประทานอาหารเมดิเตอร์เรเนียนลดความเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวานประเภท 2
6. การควบคุมน้ำหนัก : การศึกษาแสดงให้เห็นว่าผู้ที่รับประทานอาหารนี้มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นน้อยลงเมื่อเวลาผ่านไป ซึ่งช่วยลดโอกาสในการมีน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วน อาหารเมดิเตอร์เรเนียนเกี่ยวข้องกับการลดน้ำหนัก
การรับประทานอาหารในลักษณะนี้ไม่เพียงแต่ดีต่อสุขภาพหัวใจ แต่ยังส่งผลดีต่อสุขภาพสมองอีกด้วย เพราะอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ไขมันดี และใยอาหาร ที่ช่วยปกป้องเซลล์สมองและลดการอักเสบ
การดูแลสุขภาพการได้ยินควบคู่ไปกับการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เป็นสองแนวทางสำคัญในการช่วยลดความเสี่ยงภาวะสมองเสื่อม เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้สูงอายุที่คุณรัก
ดูแลสุขภาพการได้ยินคนที่คุณรัก ตรวจการได้ยินประจำปี ใส่เครื่องช่วยฟังเมื่อสูญเสียการได้ยิน
ผู้เชี่ยวชาญพร้อมสนับสนุนการได้ยิน








