Tag Archive for: เสียงดังในหู

เสียงดังในหู เสียงวิ้งในหู หรือ ภาวะหูอื้อ (Tinnitus)

เสียงดังในหู

กำลังบอกอะไรกับคุณ…

เสียงดังในหู เสียงวิ้งในหู หรือ ภาวะหูอื้อ

(Tinnitus)

       เสียงดังในหู หรือ ภาวะหูอื้อ (Tinnitus) คือ อาการที่ได้ยินเสียงกริ๊ง เสียงวิ้ง เสียงหวือ เสียงหึ่ง หรือเสียงคลิก เสียงที่ดังขึ้นจากภายในหูหรือในหัว โดยไม่มีแหล่งกำเนิดเสียงจากภายนอก เสียงอาจเบาหรือดัง เกิดขึ้นได้กับหูทั้งสองข้างหรือข้างเดียว

       อาการนี้อาจดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับบางคน แต่สำหรับอีกหลายๆ คน มันสามารถส่งผลกระทบต่อชีวิตอย่างมหาศาล ในช่วงแรกอาจมาๆ หายๆ แต่หากอาการยังคงอยู่เป็นเวลานานกว่า 6 เดือน อาจกลายเป็นภาวะเรื้อรังที่บั่นทอนคุณภาพชีวิตอย่างคาดไม่ถึง ตั้งแต่การนอนหลับที่ไม่สนิท สมาธิที่สั้นลง ไปจนถึงความวิตกกังวล และภาวะซึมเศร้า

Brain

เสียงดังในหู บอกอะไร…

       เมื่อมีอาการเสียงดังในหูอย่างต่อเนื่องนานกว่า 3 เดือน นั่นอาจไม่ใช่แค่ความรำคาญธรรมดา แต่เป็นสัญญาณเตือนจากร่างกายว่า ระบบการได้ยินอาจกำลังมีปัญหา ซึ่งต้นตอของปัญหาอาจอยู่ที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของหู เส้นประสาทที่เชื่อมระหว่างหูชั้นในกับสมอง หรือแม้แต่สมองส่วนที่ทำหน้าที่รับเสียงเอง

       สาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของภาวะนี้ คือ การสูญเสียการได้ยิน ไม่ว่าจะเป็นการสูญเสียการได้ยินตามอายุ (Presbycusis) หรือ การสูญเสียการได้ยินจากเสียงดัง (NIHL) แต่มีสิ่งที่น่าสนใจมากกว่านั้น นักวิจัยเชื่อว่า เสียงดังในหู เป็นเหมือนการที่สมองพยายาม “เติมเต็ม” ช่องว่างของเสียงที่หายไป เมื่อสมองขาดสิ่งกระตุ้นทางการได้ยิน มันจึงสร้างเสียงขึ้นมาเอง เพื่อชดเชยความถี่ที่ขาดหายไปนั้น

        อย่างไรก็ตาม อาการเสียงดังในหูไม่ได้มาจากแค่การสูญเสียการได้ยินเพียงอย่างเดียว มันสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ทำให้การวินิจฉัยสาเหตุที่แท้เป็นเรื่องที่ท้าทายมาก

สาเหตุ เสียงดังในหู หรือ ภาวะหูอื้อ

       สิ่งที่ทุกคนควรตระหนัก คือ โรคประจำตัวเรื้อรังต่างๆ การประเมินอาการอย่างรอบด้านจึงเป็นสิ่งจำเป็น เพราะบางครั้งอาการนี้อาจเป็นสัญญาณแรกของปัญหาสุขภาพ นอกจากโรคประจำตัวเรื้อรังแล้ว ยังมีสาเหตุอื่นๆ อีกมากมาย รวมถึงพฤติกรรมในชีวิตประจำวันที่ส่งผลต่อภาวะนี้ด้วยเช่นกัน

Body scan

• โรคหัวใจและหลอดเลือด : หากเสียงในหูของคุณเป็นแบบมีจังหวะตามการเต้นของหัวใจ (Pulsatile Tinnitus) นั่นอาจเป็นสัญญาณของปัญหาเกี่ยวกับหลอดเลือดที่ต้องได้รับการตรวจอย่างละเอียด

• ความดันโลหิตสูง : ปัจจัยนี้สามารถทำให้ เสียงดังในหู ชัดเจนขึ้น เนื่องจากมีผลต่อการไหลเวียนของเลือดในหูและบริเวณใกล้เคียง

• โรคเบาหวาน : ระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงเป็นเวลานานอาจทำลายเส้นประสาทในระบบการได้ยินและส่งผลต่อการไหลเวียนโลหิตในหูชั้นใน ซึ่งนำไปสู่การสูญเสียการได้ยินและภาวะเสียงดังในหูในที่สุด

• ภาวะไทรอยด์ทำงานผิดปกติ : ฮอร์โมนไทรอยด์มีบทบาทสำคัญต่อกระบวนการเผาผลาญของระบบการได้ยิน การรักษาภาวะไทรอยด์ที่เป็นต้นเหตุจึงช่วยบรรเทาอาการได้อย่างมีประสิทธิภาพ

• โรคภูมิต้านทานตนเอง : โรคบางชนิด เช่น โรคลูปัส หรือโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ อาจส่งผลกระทบโดยตรงต่อหูชั้นในและเส้นประสาทการได้ยิน ทำให้สมองสร้างเสียงภายในขึ้นมาเองเพื่อชดเชย

• หวัดและปัญหาไซนัส : อาการคัดจมูกจากหวัดรุนแรงหรือการติดเชื้อไซนัส อาจทำให้เกิดแรงดันผิดปกติในหูชั้นกลาง ส่งผลต่อการได้ยินและนำไปสู่อาการ เสียงดังในหู

• พยาธิสภาพของหูชั้นใน : เช่น โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน หรือโรคเมเนียร์ ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการวิงเวียนศีรษะ สูญเสียการได้ยิน และเสียงดังในหูร่วมด้วย

• การติดเชื้อในหู : การติดเชื้ออาจทำให้เกิดการอุดตัน เช่น การสะสมของขี้หู ซึ่งอาจนำไปสู่อาการเสียงดังในหู

• ความผิดปกติของข้อต่อขากรรไกร (TMJ) : ปัญหาที่ข้อต่อนี้อาจส่งผลกระทบต่อกล้ามเนื้อ เอ็น และเส้นประสาทในบริเวณหูชั้นใน ทำให้เกิดอาการเสียงดังในหูร่วมกับอาการปวดขากรรไกรได้

• การบาดเจ็บ : ทั้งการบาดเจ็บที่ศีรษะหรือคอ หรือการบาดเจ็บจากแรงดัน เช่น การดำน้ำลึกหรือกระโดดร่ม

• การใช้ยาบางชนิด : ยาบางประเภทอาจเป็นพิษต่อหู (Ototoxic drugs) ทำให้เกิดความเสียหายต่อหูชั้นในได้

• ปัจจัยด้านไลฟ์สไตล์ : ความเครียดเป็นปัจจัยสำคัญที่อาจทำให้อาการเสียงดังในหูแย่ลงได้ นอกจากนี้การศึกษาบางชิ้นยังชี้ให้เห็นว่าอาหารบางชนิด เช่น แคลเซียม ธาตุเหล็ก และไขมันที่สูง อาจเพิ่มความเสี่ยงของภาวะนี้ ในขณะที่วิตามินบี 12 อาจช่วยลดความเสี่ยงได้

      ¹งานวิจัยจากสถาบันโสตวิทยาชั้นนำแสดงให้เห็นว่า ผู้ป่วยโรคหูอื้อจำนวนมากมากถึง 90% มักมีภาวะสูญเสียการได้ยินในระดับหนึ่ง บ่อยครั้งที่ผู้ป่วยโรคหูอื้อมักไม่รู้ตัวว่าตนเองกำลังสูญเสียการได้ยิน

       เสียงดังในหู หรือภาวะหูอื้อ อาจเป็นหนึ่งในสัญญาณแรกๆ ที่บ่งบอกว่าความเครียดในชีวิตกำลังส่งผลกระทบต่อชีวิต งานวิจัยนี้ได้ศึกษาผู้ใหญ่ที่มีอาการเสียงดังในหู พบว่า ส่วนใหญ่มีอาการนอนไม่หลับอย่างรุนแรง ปวดเมื่อยตามร่างกาย และมีความเครียดปานกลางถึงสูง หลายคนยังรายงานว่ามีภาวะซึมเศร้าและวิตกกังวลในระดับสูงอีกด้วย

แนวทางการจัดการและบรรเทาอาการ เสียงดังในหู

       แม้จะยังไม่มีวิธีรักษาที่ได้ผลกับทุกคน แต่ก็มีแนวทางที่มีประสิทธิภาพและอ้างอิงหลักฐานที่เชื่อถือได้ ซึ่งสามารถช่วยให้คุณควบคุมการรับรู้เสียงและลดผลกระทบต่อการใช้ชีวิต แม้ว่าอาการจะยังคงอยู่ก็ตาม ต่อไปนี้เป็นแนวทางการจัดการและบรรเทาอาการเสียงดังในหู

เสียงบำบัด หูอื้อ

• การบำบัดด้วยเสียง (Sound Therapy) : เป็นวิธีที่ใช้เสียงจากภายนอก เช่น เสียงธรรมชาติ หรือเสียงสีขาว เพื่อกลบหรือเบี่ยงเบนความสนใจจากเสียงรบกวนในหู หลักการคือเมื่อมีเสียงรอบข้างที่ชัดเจนขึ้น สมองจะสนใจเสียงนั้นมากกว่าเสียงหูอื้อที่เกิดขึ้น

• การบำบัดทางความคิดและพฤติกรรม (Cognitive Behavioral Therapy – CBT) : การบำบัดรูปแบบนี้ไม่ได้มุ่งรักษาที่อาการโดยตรง นักจิตบำบัดหรือจิตแพทย์จะช่วยให้คุณปรับเปลี่ยนปฏิกิริยาทางอารมณ์และความคิดเชิงลบที่มีต่ออาการเสียงดังในหู ซึ่งช่วยลดความเครียดและความวิตกกังวลที่อาจทำให้อาการแย่ลง

• การบำบัดฟื้นฟูการได้ยินในหู (Tinnitus Retraining Therapy – TRT) : วิธีนี้เป็นการผสมผสานระหว่างการบำบัดด้วยเสียงกับการให้คำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อฝึกสมองให้คุ้นชินและเรียนรู้ที่จะกรองเสียงในหูออกไปได้เอง คล้ายกับการที่เราไม่รู้สึกถึงแว่นตาที่สวมอยู่บนจมูกอีกต่อไปเมื่อเวลาผ่านไป

• เครื่องช่วยฟัง : เครื่องมือที่มีประสิทธิภาพที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากอาการเสียงดังในหูมาพร้อมกับการสูญเสียการได้ยิน เครื่องช่วยฟังจะช่วยเพิ่มระดับเสียงจากสิ่งแวดล้อม ทำให้สมองได้รับสิ่งกระตุ้นภายนอกที่จำเป็น ซึ่งจะช่วย “ลด” การรับรู้เสียงภายในได้ นอกจากนี้เครื่องช่วยฟังดิจิทัลสมัยใหม่หลายรุ่นยังมีโปรแกรมบำบัดเสียงในหู (Tinnitus SoundSupport) ในตัว ทำให้สามารถเล่นเสียงที่ผ่อนคลายเพื่อบรรเทาอาการได้โดยตรง

แนวทางเพิ่มเติม เพื่อช่วยบรรเทาอาการ

       นอกเหนือจากการบำบัดเฉพาะทางแล้ว การแก้ไขปัญหาที่อาจเป็นต้นเหตุของอาการก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน

• แก้ไขปัญหาสุขภาพพื้นฐาน : การรักษาภาวะต่างๆ เช่น ภาวะซึมเศร้า วิตกกังวล หรือนอนไม่หลับ สามารถช่วยลดผลกระทบจากอาการเสียงดังในหูได้

• การปรับพฤติกรรม : หากอาการเกี่ยวข้องกับปัจจัยทางระบบกล้ามเนื้อและกระดูก เช่น การกัดฟัน หรือความตึงเครียดของกล้ามเนื้อคอ การนวดบำบัดอาจช่วยบรรเทาอาการได้

• การพิจารณายา : หากอาการเสียงดังในหูเป็นผลข้างเคียงจากยาที่คุณใช้อยู่ เช่น แอสไพริน หรือยาต้านอาการซึมเศร้าบางชนิด การปรึกษาแพทย์เพื่อปรับปริมาณยาหรือเปลี่ยนยาอาจช่วยให้อาการดีขึ้นได้

       แม้ว่าบางครั้งอาการเสียงดังในหู อาจเกิดขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจนและไม่มีการสูญเสียการได้ยินร่วมด้วย แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการไม่เพิกเฉยต่อสัญญาณที่ร่างกายกำลังเตือน

       หากคุณหรือคนรอบข้างมีอาการเสียงดังในหูอย่างต่อเนื่อง สิ่งแรกที่ควรทำ คือ ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหู คอ จมูก เพื่อตรวจหาสาเหตุที่แท้จริง และหาแนวทางในการจัดการอาการอย่างเหมาะสม อย่าปล่อยให้เสียงดังในหูรบกวนคุณภาพชีวิตของคุณ เพราะการรับมือกับมันตั้งแต่เนิ่นๆ คือ กุญแจสำคัญสู่การมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

บรรเทาอาการเสียงดังในหู ผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องช่วยฟัง พร้อมให้คำแนะนำ

เมื่อผลตรวจปกติ ไม่ได้หมายความว่า ทุกอย่างปกติ

       ผู้เชี่ยวชาญด้านการได้ยิน พบว่า ผู้ป่วยเสียงดังในหูหลายรายที่มีผลตรวจการได้ยินปกติ อาจมีความเสียหายแฝงที่ยังไม่รุนแรงพอที่จะตรวจพบด้วยการทดสอบทั่วไป ความเสียหายนี้มักเกิดจากการได้รับเสียงดังเป็นเวลานาน เช่น เสียงเพลงหรือเครื่องจักรที่ดัง หรือแม้แต่เสียงดังรุนแรงในครั้งเดียว เช่น เสียงระเบิด ทั้งนี้การจะทำให้การได้ยินเปลี่ยนแปลงจนตรวจพบได้ด้วยการทดสอบ Pure-Tone ต้องมีการสูญเสียเซลล์ขนจำนวนมาก การทดสอบที่ละเอียดกว่าอย่าง OAE และ ABR อาจเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง

ขอขอบคุณข้อมูล : ¹pmc.ncbi.nlm.nih.gov, newsinhealth.nih.gov, www.webmd.com, Dr. Ben Thompson, Au.D., (2025), Condition that causes ringing in ears: www.treblehealth.com
logo intimex อินทิเม็กซ์

 

อินทิเม็กซ์ หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องช่วยฟัง บริการตรวจการได้ยิน จำหน่ายเครื่องช่วยฟังคุณภาพสูง ออกแบบการได้ยินตามไลฟ์สไตล์บุคคล ดูแลสุขภาพการได้ยินแบบองค์รวม ตลอดการเดินทางสู่การได้ยินดี เพราะเราเชื่อว่า…

 

 

“คุณภาพของการได้ยินที่ดี คือ คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น”

 

ทดสอบการได้ยิน
ทดลองเครื่องช่วยฟัง

053-271 533, 089 – 053 7111

 

 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

ศูนย์สุขภาพการได้ยินอินทิเม็กซ์ เชียงใหม่
เปิดบริการ จ. – ส. เวลา 8.30 –  16.30 น.
หยุดทุกวันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์

Tel Intimex Chiangmai Facebook Intimex Chiangmai  Line Official Intimex Chiangmai

ยาเป็นพิษต่อหู Ototoxic

ยาเป็นพิษต่อหู (Ototoxic Drugs) กลุ่มยาที่ก่อให้เกิดผลข้างเคียง เช่น สูญเสียการได้ยิน หูอื้อ หรือเสียงดังในหู และปัญหาการทรงตัว พบได้ในยาแก้ปวดทั่วไป ยารักษาเบาหวาน

คาเฟอีน กาแฟ กับการได้ยิน

คาเฟอีนกับการได้ยิน เกี่ยวข้องกันอย่างไร ดื่มกาแฟมีผลกับการได้ยิน เสียงดังในหู หูอื้อ โรคน้ำในหูไม่เท่ากันหรือไม่ ควรดื่มกาแฟเครื่องดื่มคาเฟอีนอย่างไรให้ปลอดภัย

ท่อยูสเตเชียน กับอาการเสียงดังในหู

 

ท่อยูสเตเชียน (Eustachian Tube) คืออะไร


      ท่อยูสเตเชียนเป็นท่อทางเดินขนาดเล็กและแคบ ซึ่งเชื่อมต่อระหว่างหูชั้นกลาง และโพรงหลังจมูก เมื่อใดก็ตามที่กลืน หาว หรือจาม ท่อยูสเตเชียนนี้จะเปิดออก วิธีนี้จะป้องกันไม่ให้ของเหลวและความดันอากาศถูกสร้างขึ้นภายในหู


 

ความสำคัญของท่อยูสเตเชียน

     ท่อยูสเตเชียน ทำหน้าที่ช่วยปรับความดันของหูชั้นกลางให้เท่ากับบรรยากาศภายนอก เมื่อใดที่ท่อยูสเตเชียนทำงานผิดปกติ จะทำให้เกิดอาการหูอื้อ ปวดหู มีเสียงดังในหู หรือเวียนศีรษะบ้านหมุนได้

 

 

ท่อยูสเตเชียนทำงานผิดปกติ สาเหตุจาก


      ความผิดปกติของท่อยูสเตเชียน มักเกิดจากการอักเสบของท่อ ทำให้เมือกและของเหลวถูกสร้างขึ้น อย่างไรก็ตามการสะสมของของเหลวอาจเกี่ยวข้องกับการติดเชื้อหวัดไข้หวัด ภูมิแพ้ หรือไซนัส

      และรวมถึงการเปลี่ยนแปลงระดับความกดดันบรรยากาศอย่างรวดเร็ว เช่น ขึ้น-ลงลิฟท์ เร็วๆ เครื่องบินขึ้น-ลงเร็ว ดำน้ำโดยลดระดับเร็วเกินไป หรือแม้กระทั่งการเดินทางขึ้นภูเขา ทำให้เกิดอาการหูอื้อ ปวดหู มีเสียงดังในหู หรือเวียนศีรษะบ้านหมุน

 

วิธีการรักษา


  1. รับประทานยา ;- ยาแก้แพ้ (Anti-histamine, ยาหดหลอดเลือด (Oral decongestant  เช่น Pseudoephedrine) หรือ พ่นจมูกด้วยยาหดหลอดเลือด (Topical decongestant เช่น Ephedrine, Oxymetazoline) อาจร่วมกับการล้างจมูก
  2. ควรทำให้ท่อยูสเตเชียนทำงาน เปิด-ปิด ตลอดเวลา ;- เคี้ยวหมากฝรั่ง เพื่อให้มีการกลืนน้ำลายบ่อยๆ การทำ Toynbee maneuver  การทำ Valsalva maneuver
  1. กรณีทำ 2 วิธีดังกล่าวข้างต้น แล้วอาการไม่ดีขึ้น แพทย์อาจรักษาโดยวิธีผ่าตัด คือการเจาะเยื่อบุแก้วหู (myringotomy) เพื่อปรับความดันของหูชั้นกลางให้เท่ากับบรรยากาศภายนอก และระบายของเหลวภายในหูชั้นกลาง (ถ้ามี) ในผู้ป่วยบางราย อาจต้องใส่ท่อ (myringotomy tube) คาไว้ที่เยื่อบุแก้วหู
  2. ควรป้องกันตนเองไม่ให้เป็นหวัด โดยการหลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้ภูมิต้านทานของร่างกายลดลง เช่น เครียด วิตก กังวล พักผ่อนไม่เพียงพอ การสัมผัสอากาศที่เย็นมากเกินไป อากาศที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว หรือผู้ป่วยที่อาจแพร่เชื้อได้

 


หมายเหตุ ;-
    • การทำ Toynbee maneuver คือบีบจมูก 2 ข้าง และกลืนน้ำลาย 1 ครั้ง และเอามือที่บีบจมูกออก และกลืนน้ำลาย 1 ครั้ง 
    • การทำ Valsalva maneuver ซึ่งทำได้โดยให้ผู้ป่วยสูดหายใจเข้าเต็มที่ และเอามือบีบจมูกไว้ ปิดปาก แล้วเบ่งลมให้อากาศผ่านทางจมูกที่ปิด อากาศจะผ่านไปที่ท่อยูสเตเชียน เข้าสู่หูชั้นกลาง และเอามือที่บีบจมูกออก และกลืนน้ำลาย 1 ครั้ง ขณะที่เป็นหวัด หรือไซนัสอักเสบซึ่งมีการติดเชื้อในจมูก ไม่ควรทำวิธีนี้ เพราะจะทำให้เชื้อโรคในจมูก หรือไซนัส เข้าไปสู่หูชั้นกลางได้

 

 

ศูนย์สุขภาพการได้ยินอินทิเม็กซ์ เชียงใหม่
โทร: 053-271533, 089-0537111
Facebook: m.me/hearingchiangmai
Line: line.me/ti/p/%40hearingchiangmai


ขอขอบคุณข้อมูลจาก :
1. ผศ.นพ. ปารยะ อาศนะเสน; ภาควิชาโสต นาสิก ลาริงซ์วิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
2. londonhearing

 

สูญเสียการได้ยิน หูตึง เชียงใหม่

 

      การสูญเสียการได้ยิน ไม่ว่าจะเป็นระดับเล็กน้อยถึงปานกลางที่เรียกว่า “หูตึง” หรือระดับรุนแรงที่เรียกว่า “หูหนวก” ก็ส่งผลให้คุณภาพชีวิตลดลง เพราะไม่สามารถได้ยินและสื่อสารกับคนรอบข้างได้

 

ปัจจัยเสี่ยงอะไรบ้าง ที่อาจส่งผลต่อการสูญเสียการได้ยิน?


  1. อายุที่มากขึ้น โครงสร้างของหูชั้นในเสื่อมลง จึงส่งผลต่อการได้ยิน
  2. การได้ยินเสียงดัง ไม่ว่าจะเป็นการได้ยินเสียงดังสะสมจากการทำงานในที่ที่มีเสียงดัง การได้ยินเสียงดังมากในระยะสั้นเช่นเสียงปืนหรือเสียงระเบิด ก็ล้วนเสี่ยงต่อการสูญเสียการได้ยิน
  3. พันธุกรรม ปัญหาการได้ยินสามารถถูกถ่ายทอดไปยังลูกหลานได้
  4. ยาบางชนิด เช่นยาลดไข้แอสไพริน ยาขับปัสสาวะ หากรับประทานต่อเนื่องนานเกินไป หรือปริมาณที่มากเกินความจำเป็น ก็อาจทำให้เกิดอาการเสียงดังในหู (Tinnitus) หรือสูญเสียการได้ยิน
  5. การเจ็บป่วย  โรคบางชนิดเช่นไข้เยื่อหุ้มสมองอักเสบ ทำให้หูดับหรือหูหนวกได้
  6. ความเครียดหรือพักผ่อนน้อย เมื่อสะสมนานๆ เข้าก็มีผลต่อประสาทหูเสื่อมได้

 

เลยเป็นเหตุผลว่า ทำไมเราจึงควรตรวจการได้ยินเป็นประจำทุกปี ควรป้องกันไว้ก่อนสายเกินแก้

 

ศูนย์สุขภาพการได้ยินอินทิเม็กซ์ เชียงใหม่
โทร: 053271533, 0890537111
เฟซบุ๊ค: m.me/hearingchiangmai
ไลน์: line.me/ti/p/%40hearingchiangmai

หูตึง สัญญาณ อาการหูตึง เชียงใหม่

 

หูตึง เป็นปัญหาการได้ยินที่คนส่วนใหญ่มักจะเริ่มรู้ตัวก็ต่อเมื่ออายุเริ่มมากขึ้น และไม่ทันสังเกตตัวเอง ซึ่งความผิดปกติเหล่านี้ ท่านสามารถตรวจเช็คอาการได้ด้วยของท่านเอง กับ 9 อาการดังนี้

 

9 อาการ สัญญาณเสี่ยงต่อ “หูตึง”

ตรวจเช็คอาการเข้าข่าย หูตึง ได้ดังนี้


หูตึง เสียงดังในหู

1. มีเสียงดังในหู บ้างหรือเปล่า?
      เสียงดังในหู (Tinnitus) เช่น เสียงจิ้งหรีด บางรายมีลมออกหู หรือหูอื้อ ส่วนมากเกิดกับคนที่อยู่กับเสียงดังบ่อยๆ เช่นคอนเสิร์ต ผับ โรงงานอุตสาหกรรม หากใครมีอาการเสียงดังในหูบ่อยครั้ง หรือจำเป็นต้องอยู่ในที่เสียงดังเป็นประจำ แนะนำให้ตรวจการได้ยินทุกปี ปีละ 1 ครั้ง

 

หูตึง ฟังไม่รู้เรื่อง

2. คนเยอะจัง ฟังไม่รู้เรื่องเลย!
      ทำอย่างไรดีฟังไม่รู้เรื่องเลย? เวลาไปร้านอาหาร ร้านกาแฟ หรือห้างสรรพสินค้า ในที่ที่ผู้คนจอแจ มีใครมีปัญหาในการได้ยิน และพูดคุยลำบากบ้าง หากท่านมีอาการแบบนี้ เราขอแนะนำให้ท่านลองตรวจการได้ยิน

 

หูตึง พูด อะไรนะ

3. อะไรนะ คำพูดเดิม ซ้ำๆ
      รู้จักใครที่มีคำพูดติดปากว่า “อะไรนะ?” รีบแสดงความห่วงใย แสดงความรักให้เขา ด้วยการบอกให้เขามาตรวจการได้ยินเลยนะ แต่อย่ามัวแต่ห่วงใยคนอื่น โดยลืมเช็คตัวเองล่ะ คุณหรือเปล่า ที่ชอบพูดว่า “อะไรนะ?”

 

หูตึง เสียงจากไหน

4. เสียงมาจากไหนเนี่ย?!
      หลายคนแยกไม่ออกว่าเสียงที่ได้ยินมาจากไหน มาจากหน้าบ้าน จากเสียงทีวี หรือจากคนคุยกัน แบบนี้เวลาไปอยู่กับคนเยอะๆ ยิ่งสื่อสารลำบาก

 

หูตึง เปิดเสียงดัง

5. จะเปิดเสียงดังไปถึงไหน?!
      คนในบ้านก็เริ่มถามละว่าทำไมเปิดทีวีเสียงดังจัง ขับรถกับเพื่อน ก็โดนบ่นว่าเปิดเพลงเสียงดังไป อาการแบบนี้ อาจกำลังสูญเสียการได้ยิน

 

หูตึง ฟังเสียงเด็ก เสียงผู้หญิงลำบาก

6. ลำบากจัง เสียงเด็กและเสียงผู้หญิง
      ถ้าการฟังเสียงเด็กและเสียงผู้หญิงเป็นเรื่องปวดหัว ก็เป็นอีกอาการว่ากำลังสูญเสียการได้ยิน เพราะเสียงเด็กหรือผู้หญิงจะมีระดับความถี่สูงกว่าผู้ชาย ซึ่งคนที่หูตึงในระยะเริ่มต้นมักจะสูญเสียการได้ยินในช่วงความถี่สูงก่อน รีบมาตรวจการได้ยิน ก่อนที่จะหูตึงไปมากกว่านี้นะ

 

หูตึง หูอักเสบ ขี้หู

7. หูอักเสบ หรือมีขี้หูเยอะไหมจ๊ะ?
      หูอักเสบบ่อยๆ จะทำลายหูชั้นกลางได้นะ จึงส่งผลต่ออาการหูตึงได้ง่ายมากขึ้น และบางคนที่มีขี้หูเยอะ ค้นหูบ่อยๆ ก็เสียงต่ออาการหูตึงด้วยเช่นกัน การตรวจการได้ยิน เลยเป็นสิ่งที่ควรทำทุกปี

 

หูตึง บ้านหมุน

8. บ้านหมุนบ้างป่าว?
      หูชั้นในมีส่วนสัมพันธ์กับการทรงตัว คนที่มีอาการหัวหมุนบ่อยๆ หรือบ้านหมุน จึงอาจเป็นอาการผิดปกติของหูชั้นใน ใครที่บ้านหมุนบ่อยๆ รีบไปตรวจการได้ยินล่ะ คงไม่สนุกหรอกมั้ง ที่จะนั่งรถไฟเหาะตลอดเวลา

 

หูตึง ฟังแล้วเหนื่อย

9. เหนื่อยจังเวลาเม้าท์มอย
      ไม่ใช่อาการเหนื่อยใจเวลาไปเม้าท์เรื่องชาวบ้านนะ แต่หมายถึงเวลาพูดคุยกับคนอื่น แล้วรู้สึกเหนื่อยที่จะต้องตั้งใจฟังเพื่อจับใจความ บางครั้งต้องคอยบอกให้เพื่อนพูดเสียงดังฟังชัดอีก ถ้าเหนื่อยขนาดนี้ ก็มาตรวจการได้ยินด้วยกันเถอะ

 

 



เป็นอย่างไรกันบ้าง หากท่านพบอาการ 1 ใน 9 สัญญาณเตือนนี้

แนะนำท่านลองตรวจการได้ยิน เพื่อป้องกันการเสี่ยงหูตึงแต่เนิ่นๆ

 

 

ศูนย์สุขภาพการได้ยิน อินทิเม็กซ์ เชียงใหม่
โทร: 053271533, 0890537111
เฟซบุ๊ค: m.me/hearingchiangmai
ไลน์: line.me/ti/p/%40hearingchiangmai

Tinnitus เสียงดังในหู

 

      เสียงดังในหู (Tinnitus) เป็นความผิดปกติทางหูที่ผู้ป่วยมาพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยเพราะกลัวว่าจะเป็นอันตราย หรือเพราะเสียงดังในหูนั้นก่อให้เกิดความรำคาญจนนอนไม่หลับ

      ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะได้ยินเสียงดังเฉพาะตัวผู้ป่วยเอง ผู้อื่นไม่ได้ยินเสียงนี้ด้วย มักบอกว่าเสียงดังในหูนั้นคล้ายเสียงจักจั่น หรือจิ้งหรีดร้องอยู่ภายใน อาจเป็นเสียงวี๊ดๆ หึ่งๆ ซ่าๆ อาจมีอาการข้างเดียวหรือสองข้างก็ได้ มักได้ยินชัดขึ้นในเวลากลางคืนหรือในที่เงียบๆ ผู้ป่วยอาจมีเสียงดังในหูเพียงอย่างเดียว หรือบางคนมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น หูอื้อ ปวดหู เวียนศีรษะ บ้านหมุน

 

ชนิดของ เสียงดังในหู


1. เสียงดังในหู ชนิดที่บุคคลภายนอกสามารถได้ยิน (Objective Tinnitus)

      หรือเสียงที่มีแหล่งกำเนิดเสียงจริงอยู่ภายในร่างกายของผู้ป่วย ซึ่งบางครั้งผู้ที่ตรวจหรือคนอื่นอาจได้ยินด้วย เช่น

  • เสียงที่เกิดจากเส้นเลือดแดงโป่งพอง หรือมีการเชื่อมต่อผิดปกติกับหลอดเลือดดำ หรือวางอยู่ในตำแหน่งผิดปกติ ซึ่งพบได้ทั้งหลอดเลือดดำและหลอดเลือดแดง โดยในกลุ่มนี้ เสียงที่ได้ยินมักจะเป็นเสียงความถี่ต่ำๆ และเสียงจะสัมพันธ์กับการเต้นของหัวใจ มักดังขึ้นเมื่อออกกำลังกาย
  • เสียงดังในหูที่เกิดจากการหายใจเข้าหรือออก อาจเกิดจากความผิดปกติของท่อยูสเตเชี่ยน ซึ่งเป็นท่อที่เชื่อมระหว่างหูชั้นกลาง และโพรงหลังจมูก

 

2. เสียงดังในหู ชนิดที่ผู้ป่วยได้ยินคนเดียว (Subjective Tinnitus)

      หรือเสียงที่มีการรับรู้ผิดปกติ โดยที่ไม่มีเสียงเกิดขึ้นจริง มักเกิดจากความผิดปกติของประสาทหู รวมถึงสมองส่วนการรับเสียงและแปรผล โดยอาจเกิดจากทั้งอวัยวะดังกล่าวเสื่อม หรือเกิดจากภาวะเนื้องอกกดเบียด เป็นต้น ซึ่งในกลุ่มนี้เป็นส่วนใหญ่ของคนที่มีเสียงดังรบกวนในหู โดยเสียงที่ได้ยินมักจะเป็นเสียงความถี่สูง

       • หูชั้นใน สาเหตุที่พบได้บ่อยสุด คือประสาทหูเสื่อมจากอายุ นอกจากนั้นการเสื่อมของเส้นประสาทหู อาจเกิดจาก การได้รับเสียงที่ดังมากในระยะเวลาสั้นๆ ทำให้เส้นประสาทหูเสื่อมเฉียบพลัน (acoustic trauma) เช่น ได้ยินเสียงปืน เสียงระเบิด เสียงประทัด การได้รับเสียงที่ดังในระยะเวลานานๆ ทำให้ประสาทหูเสื่อมแบบค่อยเป็นค่อยไป (noise-induced hearing loss) เช่น อยู่ในโรงงาน หรืออยู่ในคอนเสิร์ตที่มีเสียงดังมากๆ การใช้ยาที่มีพิษต่อประสาทหูู (ototoxic drug) เป็นระยะเวลานาน เช่น aspirin salicylate aminoglycoside quinine การบาดเจ็บของกะโหลกศีรษะแล้วมีผลกระทบกระเทือนต่อหูชั้นใน (labyrinthine concussion) การติดเชื้อของหูชั้นใน (labyrinthitis) เช่น ซิฟิลิส ไวรัสเอดส์ การผ่าตัดหูแล้วมีการกระทบกระเทือนต่อหูชั้นใน มีรูรั่วติดต่อระหว่างหูชั้นกลางและหูชั้นใน โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน

       • สมอง โรคของเส้นเลือด เช่น เส้นเลือดในสมองตีบ เลือดออกในสมอง ไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง เนื้องอกในสมอง เช่น เนื้องอกของเส้นประสาทหู หรือประสาทการทรงตัว (acoustic neuroma)

       • สาเหตุอื่น ๆ เช่น โรคโลหิตจาง โรคแพ้ภูมิตัวเอง โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว โรคเกล็ดเลือดสูงผิดปกติ โรคที่มีระดับยูริกในเลือดสูง โรคไต โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตต่ำ โรคไขมันในเลือดสูง, โรคความดันโลหิตสูง โรคต่าง ๆ เหล่านี้สามารถทำให้เกิดเสียงดังในหูได้

 

 

      เสียงดังในหู เกิดได้จากหลายสาเหตุ อาจมีสาเหตุจากประสาทหูเสื่อม หายได้เองหรืออยู่กับผู้ป่วยไปตลอดชีวิต หรืออาจมีสาเหตุจากโรคที่อันตราย เช่น เนื้องอกของสมอง เส้นประสาท เส้นเลือดแดงโป่งพอง ดังนั้นอย่านิ่งนอนใจเมื่ออาการเสียงดังในหู ควรเข้ารับการตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด เพื่อหาสาเหตุของโรคและเพื่อการรักษาที่ถูกต้อง ก่อนจะสายเกินแก้…

 

 

 


บริการทดสอบการได้ยิน นำผลพบแพทย์เพื่อขั้นตอนการรักษา

ศูนย์สุขภาพการได้ยิน อินทิเม็กซ์ เชียงใหม่
โทร: 053271533, 0890537111
Facebook: m.me/hearingchiangmai
Line Official: line.me/ti/p/%40hearingchiangmai